โปรตีนจิ้งหรีด วัตถุดิบทางเลือกสำหรับอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร

บริษัท คริกเกท แลบ จำกัด (Cricket Lab Co.,Ltd.) บริหารโดย คุณนิโคลัส แบรี่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คริกเกท แลบ จำกัด สร้างฟาร์มจิ้งหรีดระบบปิดที่ใหญ่ที่สุดในโลกและยังเป็นโรงงานผู้ผลิตผงโปรตีนจากจิ้งหรีด โดยผลิตตามมาตรฐานยุโรป ฟาร์มและโรงงานของเราตั้งอยู่ที่อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ จิ้งหรีดจะถูกเลี้ยงในฟาร์มพาณิชย์ระบบปิด โดยวางกล่องเลี้ยงในกล่องแนวตั้งสูงถึง 6 เมตร ซึ่งควบคุมอุณหภูมิ ความชื้นในการเลี้ยง ความสะอาด เลี้ยงด้วยอาหารอินทรีย์ และน้ำที่ใช้เลี้ยงจิ้งหรีดเป็นแบบ UV Filter ซึ่งเป็นมาตราฐานเดียวกันกับน้ำที่คนบริโภค โดยฟาร์มปฏิบัติให้สอดคล้องตามมาตราฐาน Good Agriculture Practice หรือ (GAP)

Cricket Lab มีการเลี้ยงจิ้งหรีดอยู่ 2 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์สะดิ้ง (Acheta Domesticus) เพื่อผลิตโปรตีนผง & จิ้งหรีดอบแห้ง และพันธุ์เวียดนาม (Gryllus Assimilis) เพื่อผลิตจิ้งหรีดแช่แข็งสำหรับนำไปประกอบอาหารแบบเป็นตัว โดยทั้งสองแบบสามารถนำไปประกอบอาหารหรือเป็นส่วนผสมของอาหารได้ทั้งสำหรับคนและสำหรับสัตว์ การแปรรูปเป็นผงโปรตีนจิ้งหรีดมีมาตราฐานความสะอาดและปลอดภัยด้านอาหาร ที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานต่างๆ เช่น FDA, GMP, HACCP, HALAL, และ IFS

ในการเลี้ยงจิ้งหรีดนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ อายุ 30-35 วัน เพื่อแปรรูป และบางส่วนเลี้ยงต่อให้ครบ 45 วัน เพื่อทำเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์เพื่อขยายพันธุ์และเพิ่มผลผลิตในรุ่นต่อๆ ไป และด้วยนวัตกรรมการเลี้ยงของฟาร์มจะให้ผลผลิตเป็นตัวจิ้งหรีดถึง 10,000 ตัว หรือ 10 ตัน/เดือน และยังสามารถเพิ่มผลผลิตได้ถึง 400%/ตารางเมตร ตัวจิ้งหรีดที่มีการเก็บเกี่ยว 10 ตัน/เดือน สามารถนำไปแปรรูปเป็นผงได้ถึง 2.5 ตัน/เดือน หรือ 30 ตัน/ปี และคาดว่าจะขยายการผลิตได้มากขึ้นอีกในอนาคต เพื่อรองรับการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ

เหตุผลที่เลือกเลี้ยงจิ้งหรีดทั้งสองสายพันธุ์ เพราะเกี่ยวข้องกับข้อกำหนดการส่งออกแมลงไปทวีปยุโรปต้องใช้สายพันธุ์สะดิ้ง (Acheta Domesticus) เท่านั้น ส่วนสายพันธุ์เวียดนาม (Gryllus Assimilis) จุดเด่น คือให้โปรตีนที่สูงกว่าสายพันธุ์สะดิ้ง เลี้ยงง่าย เป็นโรคน้อย เพื่อส่งออกหรือขายในภายประเทศได้

โดยทาง Cricket Lab ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI และได้ร่วมทุนกับ บริษัท เซ้นฟูดส์ (SENS Foods Ltd.) ประเทศเยอรมัน เพื่อส่งออกผงโปรตีนจิ้งหรีดไปยังลูกค้าในทวีปยุโรป ที่มีความต้องการโปรตีนทางเลือกเพื่อมาทดแทนเนื้อสัตว์ สำหรับตลาดในประเทศไทย มีผลิตภัณฑ์จิ้งหรีดแช่แข็ง (สายพันธุ์เวียดนาม) ที่พร้อมจะวางขายกับสยามแมคโครในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า ส่วนสินค้าหลักของ Cricket Lab มีทั้งหมด 3 ประเภท คือ จิ้งหรีดอบแห้ง, จิ้งหรีดบดผง, และ จิ้งหรีดแช่แข็ง

ซึ่งทาง Cricket Lab ได้มีการทำตลาด (Co-branding) ร่วมกับโรงงานผลิตไส้กรอก บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป Burger patties หรือไส้แฮมเบอร์เกอร์ มีแผนจะเริ่มวางขายตาม Modern trade ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และคาดว่าจะสามารถต่อยอดเป็นวัตถุดิบให้กับอาหารประเภทอื่นๆ ได้ต่อไปในอนาคต เพราะการบริโภคแมลงไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่อีกต่อไป

นอกจากนี้ Cricket Lab ยังได้มีความร่วมมือกับภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ สำหรับโครงการ Smart Farming ในการนำมูลจิ้งหรีดไปทำเป็นปุ๋ยชีวภาพ organic fertilizer สำหรับปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ คือ การปลูกผักโดยไม่ใช้ดินหรือเป็นการปลูกผักในน้ำที่มีธาตุอาหารละลายอยู่ เพราะในปัจจุบันปุ๋ยไฮโดรโปนิกส์ทั่วๆไปยังตรวจพบสารเคมีตกค้างอยู่ ทำให้ผู้บริโภคเกิดความกังวลในการรับประทาน ด้วยเหตุนี้ทางบริษัทฯและมหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้ทดลองนำปุ๋ยมูลจิ้งหรีดจากฟาร์มมาทำเป็นปุ๋ยน้ำสำหรับปลูกผักดังกล่าว เพราะอาหารจิ้งหรีดในฟาร์มเป็นอาหารออร์แกนิค และมีผลแลบรองรับค่า NPK ที่ค่อนข้างสูงซึ่งเหมาะกับการเกษตรเป็นอย่างยิ่ง

ปัจจุบัน Cricket Lab and Sens Foods ได้ลงทุนถึง 3 ล้านยูโร เพื่อดำเนินการวิจัยและพัฒนาด้านการเพิ่มผลผลิตต่อหน่วยพื้นที่ในการเลี้ยงจิ้งหรีดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เป็นการลดต้นทุนการผลิตเพื่อให้ได้โปรตีนคุณภาพสูงในราคาที่ต่ำกว่าการผลิตโปรตีนจากสัตว์ประเภทอื่น เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมการบริโภคแมลงในรูปแบบใหม่ และการใช้โปรตีนจิ้งหรีดยังสามารถเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ได้อีกทางหนึ่ง ทำให้ช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศ และยังช่วยพัฒนาด้านการวิจัยและพัฒนารูปแบบของการบริโภคโปรตีนแห่งอนาคต สนใจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thecricketlab.com หรือ โทร. 052-000-633

Facebook : https://www.facebook.com/realcricketlab/