Haier Energy ประกาศเปิดตัว “โครงการจิงเว่ย” เสริมศักยภาพการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยเทคโนโลยี AI และดิจิทัลอัจฉริยะ
วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 บริษัท Haier Energy ได้จัดการประชุมระบบนิเวศพลังงานไทย 2025 ภายใต้หัวข้อ “พลังงานดิจิทัลอัจฉริยะ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล” ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้แทนจากภาครัฐและเอกชนของประเทศไทย บริษัทลีสซิ่งไอซีบีซี (ประเทศไทย) จำกัด ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) หนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย คณะกรรมการการค้าระหว่างประเทศ สมาคมผังเมืองไทยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยตัวแทนผู้ประกอบการรายสำคัญจำนวนมากเพื่อเข้าร่วมประชุมหารือแนวทางการพัฒนาการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในภูมิภาค
ภายในงาน Haier Energy ประกาศเปิดตัว “โครงการจิงเว่ย” อย่างเป็นทางการ โดยมีแนวทางในการประยุกต์ใช้งานจริง โดยมุ่งพัฒนาโซลูชันพลังงานแบบบูรณาการ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอัจฉริยะเป็นแกนหลัก ครอบคลุมตั้งแต่แหล่งผลิตจนถึงการใช้งานและการจัดเก็บพลังงาน มอบบริการด้านการใช้พลังงานแบบครบวงจรให้แก่ผู้ใช้งาน พร้อมขับเคลื่อนการประสานงานในแต่ละขั้นตอนอย่างชาญฉลาด ดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และปรับเปลี่ยนได้อย่างยืดหยุ่นตามสถานการณ์ “ในด้านการตลาด บริษัทฯ ร่วมมือกับพันธมิตรในระบบนิเวศ เพื่อร่วมกันสร้างระบบเครือข่ายคู่ขนาน ได้แก่ ‘เครือข่ายทรัพยากรพลังงาน’ และ ‘เครือข่ายบริการ’ ที่ครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางหลัก และขยายผลสู่ประเทศโดยรอบ
เพื่อเสริมแรงขับเคลื่อนหลักในการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างพลังงานของภูมิภาคไปสู่ระบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”

ขับเคลื่อนประสบการณ์ใหม่ ด้วยโซลูชันดิจิทัลอัจฉริยะ
ภายใต้กระแสการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในระดับโลก การพัฒนาพลังงานหมุนเวียนได้กลายเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มีการใช้ไฟฟ้ามาก
เป็นอันดับสองของภูมิภาค ได้กำหนดเป้าหมายระยะยาวในการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีแผนที่จะ
บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) และบรรลุ
เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี พ.ศ. 2608 (ค.ศ. 2065)
ทั้งนี้ ภายในปี พ.ศ. 2580 (ค.ศ. 2037) ประเทศไทยมีเป้าหมายให้สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน
เพิ่มขึ้นเป็น 51% ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การเติบโตของการจัดหาพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย
ยังคงล่าช้ากว่าความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ประเทศต้องพึ่งพาการนำเข้าไฟฟ้ามากขึ้นเป็นลำดับ ดังนั้น การจัดสรรแหล่งผลิตไฟฟ้า ระบบโครงข่ายโหลด และระบบกักเก็บพลังงานอย่างเหมาะสม จึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน เพื่อบรรเทาสถานการณ์ “ความต้องการมากกว่าปริมาณไฟฟ้าที่มีอยู่” พร้อมยกระดับความมั่นคงและความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้าของประเทศอย่างยั่งยืน
เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ดังกล่าว Haier Energy ได้เปิดตัวโซลูชันแบบบูรณาการ “ต้นน้ำ-โครงข่าย-โหลด-การจัดเก็บ” (Source-Grid-Load-Storage Integration) โดยมีเทคโนโลยีหุ่นยนต์พลังงาน AI
เป็นแกนกลาง นำเสนอมิติใหม่ของการใช้พลังงานอัจฉริยะอย่างครบวงจรแก่ผู้ใช้ทั้งในภาคครัวเรือนและ
ภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจ โดยครอบคลุมตั้งแต่การผลิตไฟฟ้า การจัดเก็บไฟฟ้า การจัดการพลังงาน
ไปจนถึงการจำหน่ายไฟฟ้าในระบบเดียวในระดับครัวเรือน ระบบสามารถเชื่อมโยงการทำงานระหว่าง
พลังงานสะอาดกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ โดยผู้ใช้งานสามารถควบคุมและจัดการการใช้พลังงานผ่าน
โทรศัพท์มือถือได้อย่างสะดวก ช่วยให้เกิดการจัดสรรพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การเพิ่มประสิทธิผล
ผ่านระบบอัจฉริยะ และความปลอดภัยในการใช้งานสูงสุด
สำหรับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ระบบแพลตฟอร์มการจัดการพลังงานอัจฉริยะสามารถดำเนินการควบคุม
แบบเรียลไทม์ทั้งการผลิต การจัดเก็บ และการใช้พลังงาน พร้อมรองรับฟังก์ชันต่าง ๆ อาทิ การป้องกัน
กระแสไฟฟ้าย้อนกลับ การแบ่งโหลดระหว่างพื้นที่ไฟฟ้าย่อย และการเพิ่มประสิทธิภาพตามเป้าหมายที่หลากหลาย
เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการดำเนินงาน และเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบพลังงานขององค์กรนอกจากนี้ Haier Energy ยังให้บริการด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินพลังงานตลอดวงจร (Full-Cycle Asset Operation) แก่ผู้ใช้งานในภาคธุรกิจ อาทิ การพัฒนาสินทรัพย์คาร์บอน
(Carbon Asset Development) และการซื้อขายใบรับรองพลังงานหมุนเวียนสากล (International
Renewable Energy Certificate: I-REC) เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน
วางรากฐานระบบนิเวศแบบสองเครือข่าย เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างยั่งยืน”
ภายในงาน Haier Energy ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ บริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ประเทศไทย) จำกัด และ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG)
หนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก เพื่อจัดทำโซลูชันทางระบบการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการ
ของผู้ใช้งานอย่างครอบคลุม โดยครอบคลุมตั้งแต่โครงการพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับครัวเรือนขนาดไม่เกิน
300 กิโลวัตต์ โครงการโซลาร์เซลล์สำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ไปจนถึงการให้สินเชื่อแก่ผู้ใช้งานและ
การสนับสนุนทางการเงินแก่กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งนับเป็นการเติมเต็มระบบการสนับสนุนด้านการเงินของอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดในทุกระดับอย่างสมบูรณ์
ในโอกาสเดียวกัน Haier Energy ยังได้กระชับความร่วมมือเชิงลึกกับหอการค้าไทย คณะกรรมการการค้า
แห่งประเทศไทย และหอการค้าบริษัทจีนในประเทศไทย โดยเน้นการประสานนโยบาย การบูรณาการทรัพยากร
และการส่งเสริมความร่วมมือในระดับภูมิภาค เพื่อเร่งรัดการวางแผนและขยายธุรกิจในประเทศ
อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ภายในงาน สมาคมการผังเมืองไทยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ได้มอบประกาศนียบัตร “องค์กรต้นแบบด้านพลังงานใหม่” ให้แก่ Haier Energy เพื่อเป็นเครื่องหมายรับรอง
ในด้านความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมโซลูชันและการสร้างระบบนิเวศด้านพลังงานอย่างยั่งยืน จากความร่วมมือ
ดังกล่าว Haier Energy ได้วางรากฐานการสร้าง “ระบบนิเวศเครือข่ายคู่” ประกอบด้วย “เครือข่ายทรัพยากรพลังงาน” และ “เครือข่ายบริการพลังงาน” ครอบคลุมทั่วประเทศไทยและขยายสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อส่งมอบบริการด้านพลังงานแบบครบวงจรแก่ผู้ใช้งานในภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง
การประชุมเชิงระบบนิเวศในครั้งนี้ ถือเป็นเป้าหมายหลักครั้งสำคัญของ Haier Energy ในการขยายกลยุทธ์สู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นายจี เสี้ยวเจี้ยน ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัท Haier Energy รวมถึงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและผู้จัดการทั่วไปของบริษัท Haier Photovoltaic New Energy ได้กล่าวว่า "เราขับเคลื่อนด้วยโซลูชันอัจฉริยะและดิจิทัลที่ล้ำสมัยควบคู่กับแนวคิดระบบนิเวศแบบเปิดกว้าง ร่วมมือ และแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน" พร้อมจับมือกับพันธมิตรด้านระบบนิเวศในประเทศต่าง ๆ ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อร่วมกันผลักดันการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของภูมิภาค"