ชี้เป้าน้ำหอมแบรนด์ไทยสุดฮิตปี 2024 กับ MAHANAKHON collection จาก “KSH perfume” ผลิตภัณฑ์คนไทย ดังไกลระดับโลก

   เหล่าสาวกน้ำหอมลองมาหลากหลายแบรนด์แล้ว วันนี้อยากจะชวนมาลองน้ำหอมแบรนด์ไทยกันบ้างค่ะ เพราะน้ำหอมแบรนด์ไทยก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก ซึ่งแบรนด์ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้เป็นน้ำหอมแบรนด์ไทยที่เจ้าของแบรนด์เป็นนักเคมีผู้คร่ำหวอดในวงการปรุงน้ำหอมระดับสากลมากว่า 17 ปีแล้ว ในเรื่องของคุณภาพนั้นก็จัดว่าดีงามไม่แพ้แบรนด์นอกเลยทีเดียว แต่ราคากลับเป็นมิตรเพราะเขาเป็นผู้ผลิตเองตั้งแต่ต้นน้ำทุกอย่าง เอาเป็นว่าถ้าหากพร้อมแล้วตามมาดูกันเลยค่ะว่าจะเป็นแบรนด์ไหน

   น้ำหอมแบรนด์ไทยที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ นั่นก็คือ “KSH perfume” ในคอลเลกชัน ‘MAHANAKHON’ ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาโดย ‘อาจารย์เก่ง’ นักปรุงน้ำหอมที่มีชื่อเสียงและเป็นอาจารย์สอนด้านกลิ่นโดยเฉพาะ ที่มีประสบการณ์ในวงการนี้มายาวนานกว่า 17 ปี เจาะลึกในระดับโมเลกุลน้ำหอม ที่มีความตั้งใจที่จะนำวัตถุดิบด้านกลิ่นที่มีเอกลักษณ์ของไทยมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันกฤษณา ซึ่งกฤษณาไทยจัดอยู่ในระดับต้น ๆ ของวงการกฤษณาโลก ว่านสาวหลงและไม้เทพทาโรที่กลั่นจนได้น้ำมันที่ใสบริสุทธิ์มาก ๆ

   ซึ่งแต่ละกลิ่นที่ปรุงขึ้นนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากย่านสำคัญของกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็น สาธร ข้าวสาร รัชดา บางรัก อารีย์ และนานา มาถ่ายทอดผ่านกลิ่นในย่านนั้น ๆ โดยได้มีการเก็บข้อมูลรายละเอียดเรื่องกลิ่นโดยทีมงาน แล้วมาเสนอจิตวิญญาณของแต่ละย่านออกมาส่วนผสมเฉพาะต่างๆ บอกเลยว่าในคอลเลกชันนี้สามารถดึงความเป็นไทยอันมีเอกลักษณ์ออกมาได้อย่างชัดเจน โดยคอลเลกชันนี้จะเป็นโทนกลิ่น Oriental ที่มีกลิ่นสลับซับซ้อน ลุ่มลึก และติดทน ให้ความ Luxury และมีรายละเอียดสูงมาก

   สำหรับคอลเลกชัน ‘MAHANAKHON’ นี้ อาจารย์เก่งได้ทำการคิดค้นกลิ่นของน้ำหอมออกมาได้อย่างพิถีพิถันและตั้งใจสร้างคอลเลคชั่นนี้เพื่อผลักดันกลิ่นไทย ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยรายละเอียดกลิ่นคร่าว ๆ ดังนี้
1) สาธร กลิ่นที่สื่อความเป็นย่านออฟฟิศ ทั้งไทยและต่างชาติ มีกลิ่นว่านสาวหลงผสมกับกฤษณา กลิ่นมีความสดชื่นและเป็นทางการ เหมาะมากกับชุดสูทหรือชุดทำงาน
2) ข้าวสาร ย่านที่ผู้คนต่างชาติรวมถึงคนไทยนิยมไปท้องเที่ยวในยามราตรี ใช้เทคนิคการปรุงกลิ่นแนว Ironed clothes ทำให้เกิดกลิ่นสดชื่นแบบระอุเหมือนผ้าที่รีดเสร็จใหม่ๆ จะเต้นแรงแค่ไหน ก็ยังสดชื่น เทคนิคนี้ใช้มัสก์ราคาแพงถึง 3 ชนิด จึงเป็นกลิ่นที่ต่างชาติว้าวมาก ถึงขนาดที่เกิดการฝากซื้อกันแล้ว
3) รัชดา ย่านที่ผู้คนชอบไป Rooftop dining มีกลิ่นของแชมเปญผสมกับกลิ่นของกำยานและควันธูปจากศาลพระพิฆเนศ ซึ่งเป็นที่รู้จักของคนไทยและต่างชาติ เป็นความแตกต่างที่ไม่น่าเชื่อว่าจะถูกตีความและสร้างขึ้นมาได้
4) บางรัก ย่านที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมเนื่องจากเป็นเส้นทางพาณิชย์ มีกลิ่นของหญ้าแซฟฟรอน เครื่องเทศที่แพงที่สุดในโลกเป็นตัวแทนของดินแดนตะวันออก ผสมกับกลิ่นกุหลาบแบบยุโรป ลิ้นจี่ที่ให้กลิ่นไอความเป็นจีนและดอกมะลิที่เป็นตัวแทนของประเทศไทย กลิ่นนี้ใช้ง่าย ดมง่าย ใครได้กลิ่นก็บอกว่าหอมทุกคน
5) อารี กลิ่นที่นำเสนอเอกลักษณ์พิเศษของย่านนี้ที่มีความเป็นคาเฟ่ญี่ปุ่นผสมกับสถาปัตยกรรมไทยสมัย ร.5 (ศิลปะฉบับโคโลเนียลอาร์ต) ถ่ายทอดออกมาผ่านกลิ่นของดอกสึบากิ (คามิลเลีย) และกลิ่นของดอกการเวก หอมน่ารัก ตะมุตะมิ ได้กลิ่นแล้วอารมณ์ดีขึ้นทันที
6) นานา ย่านนี้เป็นที่รู้จักกันของผู้ซื้อกฤษณา โดยเฉพาะชาวต่างชาติ กลิ่นโดดเด่นด้วยกฤษณาไทย 2 ชนิดที่บอกเลยว่า เกินคาดคิดไปมากเพราะไม่เคยรู้เลยว่ากฤษณาของไทยเราจะกลายเป็นกลิ่นน้ำหอมที่อินเตอร์ แพงและสายฝอขนาดนี้ ปลายกลิ่นมีความกำมะหยี่และเผ็ดนุ่มมีรายละเอียดสูงมาก ใช้ทีไร ฝรั่งทักทุกที

   แต่ละกลิ่นเรียกได้ว่าหอมมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ซ้ำกันเลยค่ะ มันสนุกและดื่มด่ำมากเหมือนได้เสพงานศิลป์ชั้นดีที่ทำให้เข้าใจคำว่า “รายละเอียด” ของกลิ่นคืออะไร เปลี่ยนภาพจำคำว่าน้ำหอมไปเลยค่ะ

   อย่าลืมนะคะสำหรับผู้ที่มองหาน้ำหอมแบรนด์ไทยที่นิชได้ใจมาก ๆ และยังสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ๆ อีกด้วย ขอแนะนำแบรนด์ “KSH perfume” เลยนะคะ มันมากด้วยเรื่องราวที่ทำให้ใช้สนุกและยังเป็นน้ำหอมที่ใช้แล้วคนทักถี่ ๆ ด้วยค่ะ

   โดยมีวางจำหน่ายในร้าน Thai perfume runway ที่มาบุญครอง ชั้น 1 ติดกับสตาร์บัคส์ ทางเชื่อมไปโรงแรม และช่องทางออนไลน์ด้านล่างนี้เลยค่ะ ... แอบกระซิบว่า คุยเรื่องกลิ่นหอมกับทุกคนในร้านนี้แล้วขนลุกค่ะ เปิดโลกใหม่ที่ไม่เคยรู้ละเอียดขนาดนี้มาก่อน สมกับการเป็นน้ำหอมชั้นครูมาก ๆ ค่ะ

พิกัด
Facebook : KSH perfume
Line : KSH PERFUME LAB

Facebook : https://www.facebook.com/KSHperfume