กรมส่งเสริมการเกษตร “ร่วมเครือข่ายเกษตรกรแปลงใหญ่สรุปบทเรียนผลสำเร็จการป้องกันกำจัดหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน”

23 กรกฎาคม 2563 สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ร่วมกับ วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืชจังหวัดสงขลา ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดยะลา สำนักงานเกษตรจังหวัดยะลา และศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ตำบลสะเอะ อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นศพก.เครือข่าย จัดกิจกรรมถ่ายทอดเทคโนโลยีและสรุปบทเรียนผลสำเร็จการป้องกันกำจัดหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน โดยใช้ ศพก.เป็นแหล่งเรียนรู้ ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีเกษตรกรสมาชิกแปลงใหญ่ทุเรียนอำเภอกรงปินัง เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 60 ราย โดยเกษตรกรได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การป้องกันกำจัดหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน เพื่อป้องกันผลผลิตด้อยคุณภาพ และสรุปบทเรียนผลการดำเนินการในฤดูกาลผลิต ปี 2563 ซึ่งถือว่าประสบผลสำเร็จอย่างดี สามารถควบคุมไม่ให้มีการระบาดของหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนและผลผลิตมีคุณภาพไม่เกิดความเสียหาย เกษตรกรสามารถขายผลผลิตได้ราคาดี ในงานมีการมอบวัสดุอุปกรณ์ในการป้องกันกำจัดหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนด้วยวิธีผสมผสานแก่ผู้แทนเกษตรกรสมาชิกแปลงใหญ่ทุเรียนอีกด้วย นอกจากนี้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่เกษตรกรเพิ่มเติม โดยการจัดฐานเรียนรู้ให้แก่เกษตรกร จำนวน 6 ฐาน ได้แก่ ฐานที่ 1 วงจรชีวิตของหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนและลักษณะการทำลาย ฐานที่ 2 การป้องกันกำจัดโดยใช้กับดักแสงไฟโซล่าเซลล์ ฐานที่ 3 การป้องกันกำจัดโดยใช้ถุงห่อผล ฐานที่ 4 การป้องกันกำจัดโดยใช้สารชีวภัณฑ์ ฐานที่ 5 การป้องกันกำจัดโดยใช้กับดักกาวเหนียวและควันไฟ ฐานที่ 6 การป้องกันกำจัดโดยใช้สารเคมี ซึ่งเป็นการสร้างการรับรู้เพิ่มเติมให้แก่เกษตรกรสมาชิกแปลงใหญ่ จากการที่เกษตรกรได้นำไปปฏิบัติและเกิดผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ทำให้ปีนี้ไม่พบการระบาด เนื่องจากมีการสร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่อง สำนักงานเกษตรจังหวัดและอำเภอได้แนะนำพี่น้องเกษตรกรดูแลจัดการสวนทุเรียนอย่างดี ในทุกระยะการผลิต ประกอบกับสภาพอากาศไม่ค่อยเหมาะสมต่อการระบาด จึงพบบ้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นายสุพิท จิตรภักดี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ให้ข้อมูลว่า “ทุเรียน” เป็นไม้ผลหลักที่สำคัญของภาคใต้ มีพื้นที่ปลูกมากที่สุดเมื่อเทียบกับไม้ผลชนิดอื่นๆ โดยพื้นที่ปลูกครอบคลุมทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ รวม 571,439 ไร่ ให้ผลผลิตแล้ว จำนวน 437,993 ไร่ ในปีที่ผ่านมา เกษตรกรประสบปัญหา “หนอนเจาะเมล็ดทุเรียน” เข้าไปวางไข่ แล้วทำให้เกิดความเสียหายแก่ผลผลิต โดยเฉพาะใน จ.ยะลา ส่งผลต่อคุณภาพของผลผลิตทุเรียน ทำให้เกษตรกรขายทุเรียนได้ในราคาที่ต่ำลง และขาดความน่าเชื่อถือทางการค้า ดังนั้นในฤดูกาลผลิตปีนี้ สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัดทุกจังหวัดสร้างการรับรู้และเตือนภัยพี่น้องเกษตรผู้ปลูกทุเรียนให้เฝ้าระวัง ป้องกันกำจัดหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนโดยวิธีการผสมผสาน ตั้งแต่ระยะการพัฒนาผลอ่อน ซึ่งเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงที่หนอนเจาะเมล็ดทุเรียนจะเข้าไปวางไข่ โดยเฉพาะช่วงต้นฤดูฝนที่ผ่านมา ปกติจะเป็นช่วงที่พบการระบาดทำลายของหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนสูงมาก เนื่องจากสภาพอากาศมีความชื้นสูง ดินนิ่ม ดักแด้หนอนเจาะเมล็ดทุเรียนที่อยู่ในดินจะฟักตัวออกมา และทำลายภายในผลทุเรียน และเมื่อมองจากภายนอกผลจะไม่พบร่องรอยของการทำลาย

หนอนเจาะเมล็ดทุเรียน มีชื่อเรียกอื่นๆ ได้แก่ หนอนใต้ หนอนมาเลย์ หนอนรู ตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อกลางคืน สีน้ำตาลอมเทา มีจุดสีขาวบนสันหลังอก มีจุดใหญ่ที่ขอบปีกอย่างน้อย 3 จุด และจุดเล็กที่มุมปีกอีก 1-3 จุด ตัวเมีย 1 ตัว สามารถวางไข่ได้ 100-200 ฟอง โดยวางไข่เป็นฟองเดี่ยวๆ บริเวณหนามทุเรียนใกล้ขั้วผล ตัวหนอนที่ฟักออกจากไข่จะเจาะไชเข้าไปภายในผล และอาศัยกัดกินอยู่ภายในเมล็ด โดยปราศจากร่องรอยของการทำลายผิวผลภายนอกให้เห็น จนกระทั่งตัวหนอนโตเต็มที่ มีขนาดยาวประมาณ 4 เซนติเมตร ก็จะเจาะผลทุเรียนออกมาเข้าดักแด้ ในดินที่ชื้นนาน 1-9 เดือน จึงฟักออกมาเป็นตัวเต็มวัย ดักแด้อาจมีอายุนานกว่านั้น ในกรณีที่สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม แต่ถ้ามีฝนตกหนักจะช่วยกระตุ้นให้ออกเป็นตัวเต็มวัยเร็วขึ้น
ลักษณะการทำลาย หนอนเจาะเมล็ดทุเรียนจะเจาะไชเข้าไปภายในเมล็ด กัดกิน และขับถ่ายมูลออกมา ทำให้เนื้อทุเรียนเปรอะเปื้อนเสียหาย ตัวหนอนที่ฟักออกจากไข่จะเจาะเข้าไปในผล และอาศัยกัดกินอยู่ภายในเมล็ดโดยไม่ทำลายเนื้อทุเรียน
ผลจากการสรุปบทเรียนวิธีการป้องกันกำจัดหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนด้วยวิธีการผสมผสาน เพื่อเป็นแนวทางให้พี่น้องเกษตรกรนำไปปฏิบัติในพื้นที่มีดังนี้
1.ไม่ขนย้ายเมล็ดทุเรียนจากที่อื่นเข้ามาในแหล่งปลูก ถ้ามีความจำเป็นควรทำการคัดเลือกเมล็ดอย่างระมัดระวัง หรือแช่เมล็ดด้วยสารเคมีกำจัดแมลง เช่น คาร์บาริล (เซฟวิน 85% ดับลิวพี) อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ก่อนทำการขนย้ายจะช่วยกำจัดหนอนได้
2.สำรวจติดตามสถานการณ์หนอนเจาะเมล็ด โดยตรวจดูตัวเต็มวัยของหนอนเจาะเมล็ดในกับดักแสงไฟ หากมีฝนตกหนักติดต่อกัน 2-3 วัน ควรตรวจดูทุกวัน
3.ห่อผลทุเรียนโดยใช้ถุงพลาสติกสีขาวขุ่น เจาะรูที่บริเวณขอบล่าง เพื่อให้หยดน้ำระบายออก สามารถป้องกันผีเสื้อตัวเต็มวัยมาวางไข่ได้ โดยเริ่มห่อตั้งแต่ผลทุเรียนมีอายุ 6 สัปดาห์เป็นต้นไป ก่อนห่อผลควรตรวจสอบ และป้องกันกำจัดเพลี้ยแป้ง อย่าให้มีติดอยู่กับผลที่จะห่อ
4.รักษาสวนให้สะอาดอยู่เสมอ หมั่นตรวจสวนหลังทุเรียนติดผลแล้ว เมื่อพบผลที่ถูกทำลาย หรือผลร่วงในสวนที่มีการระบาดของหนอนเจาะเมล็ด ควรเก็บผลร่วงไปเผาทำลายทิ้งทุกวัน เพื่อลดการเพิ่มปริมาณ เนื่องจากหลังจากทุเรียนร่วงไม่นาน ถ้ามีหนอนอยู่ภายในหนอนจะเจาะรูออกมาเพื่อเข้าดักแด้ในดิน
5.ตัดแต่งผลทุเรียนที่มีจำนวนมากเกินไป โดยเฉพาะผลที่อยู่ติดกันควรใช้กาบมะพร้าวหรือกิ่งไม้กั้นระหว่างผล เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเต็มวัยวางไข่ หรือตัวหนอนเข้าทำลายหรือหลบอาศัย
6.อนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติ เช่น แตนเบียน Apantelessp
7.การป้องกันกำจัดโดยใช้สารเคมีกำจัดแมลง เมื่อเริ่มพบตัวเต็มวัย โดยพ่นทุก 7-10 วัน ดังนี้
- ไซเพอร์เมทริน/โฟวาโลน (พาร์ซอน 6.25%/22.5% อีซี) อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ
- แลมบ์ดาไซฮาโลทริน (คาราเต้ ซีนอน 2.5% เอสซี) อัตรา 50 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ
- คาร์บาริล (เซฟวิน 85% ดับบลิวพี) อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ไม่ควรใช้สารเคมีชนิดเดียวติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรมีการสลับชนิดเพื่อป้องกันศัตรูพืชเกิดความต้านทาน

นายสุพิท ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ศพก. เป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้ นวัตกรรม เทคโนโลยีต่างๆ ให้เกษตรกรในพื้นที่ได้เข้ามาเรียนรู้ และนำไปปฏิบัติ โดยส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ มีการบริหารจัดการ เน้นการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต ทั้งนี้ทุกอำเภอจะมีศพก.หลัก ตั้งอยู่อำเภอละ 1 จุด และ ศพก. เครือข่ายอย่างน้อยอำเภอละ 10 เครือข่าย มีเกษตรกรต้นแบบ ร่วมกันดูแลพี่น้องเกษตรกรในชุมชน ตามนโยบายของกรมส่งเสริมการเกษตร และเน้นให้ใช้กระบวนการส่งเสริมการเกษตรเชิงพื้นที่โดยการเชื่อมโยงเครือข่าย ทั้ง ศพก. แปลงใหญ่ และ เกษตรกรรุ่นใหม่ (young smart farmer) ร่วมกันพัฒนาสินค้าเกษตรในพื้นที่ต่อไป