บุญสม ทองศรีพราย ผอ.สกสค.ปัตตานี ยึดศาสตร์พระราชา ในการดำเนินงาน แถลงผลงานครบวาระ 4 ปี ช่วยเหลือครู-บุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่จว.ชายแดนใต้

นายบุญสม ทองศรีพราย ผอ.สกสค.ปัตตานี ยึดศาสตร์พระราชา ในการดำเนินงาน แถลงผลงานครบวาระ 4 ปี ช่วยเหลือครูและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
นายบุญสม ทองศรีพราย ผอ.สกสค.จังหวัดปัตตานี ยึดศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา”ในการดําเนินงานแถลงผลงานครบวาระ 4 ปี ช่วยเหลือครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างยาวนาน สู่บุคคลตํานานครูชายแดนใต้ นายบุญสม ทองศรีพราย ผอ.สกสค.จังหวัดปัตตานีได้เปิดพื้นที่ให้สื่อมวลชนได้เข้าสัมภาษณ์ในกรณีที่ ได้ดํารงตําแหน่งผู้อํานวยการสํานักงานส่งเสริมสวัสติการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัดปัตตานี (สกสค.จังหวัดปัตตานี) ที่จะครบวาระในการดํารงตําแหน่ง 4 ปี ในวันที่ 5 ธันวาคม 63 ที่จะถึงนี้ พร้อมทั้งได้แถลงผลงาน และกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งได้ดําเนินงานมาตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างสําคัญแก่เพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัดปัตตานีและจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มีสวัสดิการและสวัสดิภาพที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนเพื่อเป็นขวัญ กําลังใจ และร่วมกันพัฒนาการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เท่าทันและทัดเทียมกับภูมิภาคอื่นของประเทศ
ด้านนายบุญสม ทองศรีพรายผอ.สกสค.จังหวัดปัตตานีเปิดเผยว่า เนื่องในโอกาส การทํางานในตําแหน่งผู้อํานวยการสํานักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัดปัตตานีหรือ สกสค.จังหวัดปัตตานีจะครบวาระการทํางานในวันที่ 5 ธันวาคม 2563 นี้ ซึ่งตนเองได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม 2559 ตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่ทํางาน ในตําแหน่งผู้อํานวยการสํานักงาน สกสค.จังหวัดปัตตานีและประธานสมาพันธ์ครู จังหวัดชายแดนภาคใต้ ความภาคภูมิใจอันเกิดจากความมุ่งมั่น ตั้งใจและเสียสละอย่างแรงกล้า ด้วยอุดมการณ์และจิตวิญญาณที่อยากจะเห็นครูและบุคลากรทางการศึกษาของจังหวัดปัตตานีมีสวัสดิการสวัสดิภาพ และได้รับการยกย่อง เชิดชูเกียรติที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งปัตตานีก็เป็น 1ใน 4จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่อยู่ในภาวะวิกฤตหลายปีสืบมาครูและบุคลากรทางการศึกษาเหล่านี้ ต้องการสวัสดิการและสวัสดิภาพ ขวัญกําลังใจตลอดถึงการสร้างพลังแห่งการขับเคลื่อน เพื่อพัฒนาด้านการศึกษาโดยในรอบ 4ปีที่ผ่านมา สิ่งที่ตนเองภาคภูมิใจที่สุด คือ การได้ผลักดันการดําเนินงาน เพื่อช่วยเหลือครูและบุคลากรทางการศึกษา อันเป็นภาพสะท้อนไปยังสังคมอย่างสําคัญให้ได้รับรู้ว่า สํานักงาน สกสค.เป็นหน่วยงานที่ทําหน้าที่ด้านบริการ ดูแลครูและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไรตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่ตนเองทํางานในตําแหน่งนี้ มีงานที่ประสบผลสําเร็จเป็นที่ภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ดังนี้
งานแรก คือ การทําหน้าที่ในฐานะประธานศูนย์ช่วยเหลือครอบครัวครูชายแดนใต้ ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2556 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนสกสค.จํานวน 10 ล้านบาท ดําเนินงานโดยใช้ศาสตร์พระราชา“เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา”และอาศัยแนวคิดที่ว่า ทําอย่างไรให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ ได้รับสิทธิเยียวยารวดเร็ว ทันใจอย่างทั่วถึง และเป็นธรรม เพื่อสนองต่อปณิธานที่ว่า“โปร่งใส ทันสมัย ใส่ใจบริการ” โดยตลอดระยะเวลา 4ปีที่ผ่านมา ในฐานะประธานศูนย์ช่วยเหลือครอบครัวครูชายแดนใต้ เราได้ไปช่วยเหลือครูที่ได้รับผลกระทบถึงที่ และได้สัมผัสกับครอบครัวไปแล้วจํานวน 7 ราย รายละ 5 แสนบาท กรณีถ้ามีผู้เสียชีวิต ซึ่งเข้าหลักเกณฑ์ที่ทางสกสค.กําหนด ก็สามารถนําเงินส่วนนี้ไปเจือจุนช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้ทันที ซึ่งผลที่เกิดขึ้นถือเป็นการสร้างขวัญ กําลังใจ สร้างความรู้สึกที่ดีให้กับทายาทที่อยู่ด้านหลังสกสค. จึงเป็นมิตรแท้และเป็นที่พึ่งของครูในพื้นที่ จึงนับเป็นนวัตกรรมที่ทําให้หน่วยงานอื่นได้เห็นว่าสกสค. เป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลสวัสดิการสวัสดิภาพของครูในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแท้จริงสมกับคําที่ว่า “ครอบครัวครู เราดูแล”
งานที่ 2 คือ โครงการครูช่วยครู ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ โดยทางสํานักงานสกสค.จังหวัดปัตตานี ได้ร่วมกับเครือข่ายจิตอาสา ได้จัดกิจกรรม เพื่อไปเยี่ยมเยียนครูที่ป่วยติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จํานวน 36 ราย ในทุกอําเภอของจังหวัดปัตตานี แม้พื้นที่เหล่านั้นจะเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยก็ตาม ผลที่เกิดขึ้นคือ ครูและบุคลากรทางการศึกษา พี่ป่วยติดเตียงรวมถึงผู้บริบาล เกิดความภาคภูมิใจ กับสิ่งที่เรานําไปให้เขานั่นคือการให้กําลังใจ โดยผู้ป่วยหลายรายกล่าวว่า “ไม่ได้ต้องการสิ่งใด นอกจากกําลังใจจากครู” ขณะเดียวกันจิตอาสาเอง ก็มีความภูมิใจที่ได้ร่วมทํางานในการช่วยเหลือครู ซึ่งตนเองอยากให้ทางสกสค.ได้ยึดมั่นกับสิ่งเหล่านี้ว่าเป็นภาพลักษณ์ที่ดี และเป็นอีกโครงการหนึ่งที่มวลสมาชิกจํานวนมาก ได้เรียกร้องให้มีการดําเนินการอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
งานที่ 3 คือ การจัดตั้งศูนย์ดูแลครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้สูงอายุจังหวัดปัตตานี ครูผู้สูงอายุ คือครูที่เกษียณแล้ว ครั้งหนึ่งบุคคลเหล่านี้เคยเป็นครู เป็นผู้อํานวยการโรงเรียน เป็นผู้บริหารการศึกษา เมื่อครบ 60 ปี ก็ต้องเกษียณจากงานการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าว เพื่อให้ผู้สูงอายุที่มีอยู่จํานวนมากนั้นได้ตระหนักว่า พวกเขาคือ “ขุมทรัพย์แห่งปัญญา” หรือ “คลังสมองของการศึกษาชายแดนใต้” ได้เห็นถึงคุณค่าแห่งประสบการณ์ที่ตนเองสามารถสร้างประโยชน์ต่อชาติบ้านมืองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพี่น้องเพื่อนครูทุกสังกัด ที่เกษียณอายุงานในจังหวัดปัตตานี ที่ผ่านการปฏิบัติงานในพื้นที่ด้วยความยากลําบาก ซึ่งถือว่าเป็นครูที่ต้องการความอบอุ่น ต้องการกําลังใจ ต้องการเวทีที่ยืนอย่างสง่าสมศักดิ์ศรีและสมเกียรติยศ ฉะนั้นศูนย์ดูแลครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้สูงอายุจังหวัดปัตตานี ถูกกําหนดขึ้น โดยมีตนเองเป็นประธาน ซึ่งได้จัดกิจกรรมอย่างหลากหลาย เช่น การอบรมให้ความรู้การใช้ชีวิตปัจจุบันโดยแพทย์ผู้ชํานาญการ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง กิจกรรมมุทิตาจิต ให้กับเพื่อนครูที่เกษียณเพื่อสร้างขวัญและกําลังใจให้กันและกัน กิจกรรมศึกษาดูงานนอกสถานที่ เพื่อสร้างความรู้สึกที่ดีเพื่อความรักความสามัคคี และให้ได้เห็นความแตกต่างของพื้นที่อื่น พร้อมทั้งมีกิจกรรมสัมมนาอีกหลายเวที นับว่าศูนย์ดังกล่าวถือเป็นศูนย์รวมของข้าราชการครูที่เกษียณแล้ว ทําให้ครูเหล่านั้นรู้สึกว่า ไม่โดดเดี่ยวไม่ถูกทอดทิ้ง และรู้สึกว่ายังมีหน่วยงานหรือองค์กรที่เข้ามาดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสกสค.จังหวัดปัตตานี ที่มีสถานที่ให้ครูผู้สูงวัยเหล่านี้ได้มาร่วมพบปะ กินน้ําชากัน และออกกําลังกายร่วมกัน สอดคล้องกับคํากล่าวที่ว่า “คุณคือ คนสําคัญของเรา”
งานที่ 4 คือ ตนเองในฐานะผู้อํานวยการสกสค.จังหวัดปัตตานี ตลอดเวลา 4 ปี ที่ผ่านมา นับเป็นรุ่นแรกที่สามารถนําเงินค่าจัดการศพ ซึ่งขณะนี้ ครูที่เสียชีวิต ถ้าเป็นสมาชิกชพค.จะได้เงินจํานวน 9 แสน กว่าบาท แต่ถ้าเป็นสมาชิกชพส.จะได้เงินจํานวน 3 แสนกว่าบาท ซึ่งทุกรายที่เสียชีวิต ตนเองจะนําเงินค่าจัดการศพสมาชิก ชพค.จํานวน 2 แสนบาท และสมาชิก ชพส.จํานวน 1 แสนบาท ไปมอบให้กับทายาทด้วยตนเองไม่ว่าจะเป็นที่วัดที่บ้านอย่างรวดเร็ว ทันใจอย่างทั่วถึง และเป็นธรรม เพื่อสร้างและธํารงไว้ซึ่งความรู้สึกที่ดีสร้างเกียรติภูมิให้กับทายาทที่ต้องรับภาระการจัดงานศพ เพราะเรารู้ว่าทายาทยังรอความหวังจากพวกเราอยู่
งานที่ 5 คือการจัดงานรําลึกคุรุวีรชนชายแดนใต้ ตนเองในฐานะประธานสมาพันธ์ครูจังหวัดชายแดนภาคใต้และในฐานะผู้อํานวยการ สกสค.จังหวัดปัตตานี ได้ร่วมกับสมาพันธ์ครู จัดงานนี้มาอย่างต่อเนื่อง 11 ครั้ง ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นการเสริมสร้างพลัง ความรักความสามัคคี ให้เห็นว่าครูที่เสียชีวิตไปแล้ว ก็ยังมีเพื่อนพี่น้องครูที่ไม่ทอดทิ้งกัน ที่สําคัญคือเราได้ร่วมทําบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับครูที่เป็นไทยพุทธ และไทยมุสลิม ซึ่งมีกิจกรรมทั้งทางศาสนาพุทธและศาสนาอิสลาม ต้องขอขอบพระคุณ ท่านณัฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และท่านธนพร สมศรี เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) ที่ได้เดินทางมาเป็นประธานในงานรําลึกคุรุวีรชนครู ครั้งที่ 10 และ ครั้งที่ 11 ตามลําดับ ส่งผลให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีขวัญกําลังใจมากขึ้น โดยเฉพาะท่านธนพร สมศรี เลขาธิการสกสค.ได้กรุณารับเรื่องในหลายๆเรื่อง เพื่อช่วยดูแลสวัสดิการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทายาทของผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับผลกระทบ ที่ยังไม่มีงานทํา รวมถึงทายาทในส่วนอื่นๆที่ยังไม่มีงานทําจะทําอย่างไรให้บุคคลเหล่านี้ได้มีงานทํา เพื่อเป็นกําลังสําคัญหนึ่ง ในการเลี้ยงดูครอบครัวหรือกระทั่งเงิน 4 ล้านบาท ที่ขณะนี้อยู่ในระหว่างการประสานงานอยู่ก็เป็นความหวังหนึ่งที่อยากให้สกสค.เข้ามาดูแลครู ซึ่งตนเองได้เห็นความตั้งใจและความมุ่งมั่นของท่านที่จะเข้ามาดูแลช่วยเหลือครู จึงขอชื่นชมด้วยความจริงใจ
งานที่ 6 คือ กิจกรรมเชิดชูเกียรติ ยกย่องครูและบุคลากรทางการศึกษา การยกย่องครู ถือเป็นสิ่งสําคัญที่ทําให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามีขวัญและกําลังใจในการทํางาน ทุกปีมีการเสนอให้มีการรับรางวัล แต่ในปีนี้ตนเองมีความภาคภูมิใจ คุณอํานวยจันทร์แก้ว ข้าราชการบํานาญ ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้สร้างคุณูปการให้กับสกสค.จนได้รับรางวัลพื้นที่ 1 ของประเทศ ซึ่งถือเป็นครูอาวุโส ครูเกษียณของจังหวัดปัตตานี ย่อมเป็นหน้าที่ของสกสค.ที่ต้องค้นหาครูดี เพื่อยกย่องและสร้างความภาคภูมิใจ เพื่อให้ครูรุ่นหลังได้เห็นภาพของครูที่เสียสละ
งานที่ 7 คือ การจ่ายเงินค่าสงเคราะห์ศพเมื่อกี้พูดถึงค่าจัดการศพ ส่วนนี้คือค่าสงเคราะห์ศพสํานักงานสกสคจังหวัดปัตตานี เป็นหน่วยงานที่บริการสามารถจ่ายเงินค่าสงเคราะห์ศพให้กับสมาชิกชพค.ชพส.ด้วยความรวดเร็ว ตามระยะเวลาที่กําหนดคือ ภายในระยะเวลา 3 วัน หลังจากที่สํานักงานส่วนกลางส่งเงินมา อันนี้ยืนยันได้เลยว่า สมาชิกจังหวัดปัตตานีที่ได้รับผลประโยชน์จากตรงนี้ ได้รับสวัสดิการที่พึงพอใจ ผมต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่สํานักงาน สกสค.จังหวัดปัตตานีที่ทํางานด้วยความเหน็ดเหนื่อยและตั้งใจ นอกจากนี้การที่สํานักงานสกสค.จังหวัดปัตตานี ในฐานะที่ตนเองเป็นผู้อํานวยการและเป็นประธานสมาพันธ์ครูจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ร่วมกับเครือข่ายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมผลักดัน ขับเคลื่อนไม่ว่าจะเป็นเงินเสี่ยงภัยซึ่งขณะนี้ครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัดปัตตานีและจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับคนละ 3,500 บาท การได้รับการประเมินวิทยฐานะตามหลักเกณฑ์ ว10 เพื่อให้มีหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชํานาญการและชํานาญการพิเศษ ในจํานวนที่มากขึ้นการได้รับการเลื่อนขั้นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติจํานวน 25% และธุรการโรงเรียนมีงานทําโดยเฉพาะอย่างยิ่งการบรรจุทายาทที่ได้รับผลกระทบ ให้ได้เป็นครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งทางสํานักงานสกสค.และเครือข่ายร่วมกันผลักดันให้เกิดขึ้น เพราะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่วิกฤตที่ต้องหันหน้าเข้าหากันเพื่อช่วยเหลือคนเหล่านี้ ให้มีขวัญกําลังใจต่อสู้ในสิ่งที่เรามองไม่เห็น และเราก็บากบั่นต่อสู้มาจึงขอให้กระทรวงศึกษาธิการได้ดํารงคงไว้อย่างยั่งยืนถาวร เพื่อเป็นขวัญกําลังใจของครูและบุคลากรทางการศึกษา และอีกเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการทํางานในหน้าที่คือ การเก็บเงินสงเคราะห์รายศพ ส่วนนี้มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ตนเองเข้ามาแรกๆก็มีสมาชิกค้างอยู่ประมาณ 400-500 ราย แต่วันนี้ สํานักงานสกสค.จังหวัดปัตตานี สามารถเก็บเงินค่าสงเคราะห์รายศพ ส่งให้ส่วนกลาง สามารถเก็บเงินได้สูงสุด สมาชิกชพค.ได้ถึงร้อยละ 99.74 และสมาชิก ชพส.ได้ถึงร้อยละ99.98 อันนี้เป็นความภาคภูมิใจที่ผมและคณะทํางานคณะกรรมการสกสค.จังหวัดที่ได้ติดตามชี้แจ้งและประสานงานให้เข้ามาชําระเพื่อประโยชน์ของสมาชิก ด้านนายบุญสม ทองศรีพราย ผอ.สกสค.จังหวัดปัตตานี ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สิ่งที่กราบเรียนมาทั้งหมดยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้กล่าวถึง
แต่ท้ายที่สุดอยากจะกราบเรียนว่า ตนเองเข้ามาทํางานตรงนี้ ก็เพื่อที่จะให้ไม่ใช่มาเพื่อที่จะเอา ดังอุดมการณ์และจิตวิญญาณที่ตนเองให้กับครูมาตลอดระยะเวลา 4 ปี เราเป็นพื้นที่พิเศษเราเป็นพื้นที่ทุกข์ยากลําบากแต่สํานักงาน สกสค.จังหวัดปัตตานี ก็มุ่งมั่นทํางาน จนกระทั่งประสบความสําเร็จโดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะนี้ ท่านธนพร สมศรี เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) คนใหม่ท่านได้ให้แนวคิดการทํางานยึดคําว่า“โปร่งใส ทันสมัย และใส่ใจบริการ”เป็นบทสรุปโดยย่อในการทํางานของผม ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจและคณะกรรมการสกสค.จังหวัดปัตตานี และครูและบุคลากรทางการศึกษาและเครือข่ายหวังเป็นอย่างยิ่งครับว่า เราจะต้องเดินร่วมกันในการทํางานเหล่านี้ให้บุคลากรทางการศึกษามีความสุขใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพและอยู่อย่างปลอดภัย ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาความภาคภูมิใจของตนก็คือ ได้ทํางานในสิ่งที่ตนเองรัก ก็คือการให้การให้เป็นหัวใจสําคัญไม่ว่าจะให้ความรักให้การบริการให้ความสุขที่ดีและตนก็ยึดศาสตร์พระราชา“เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา”มาโดยตลอด เพราะฉะนั้นความมุ่งมั่นตรงนี้ถือเป็นกุศลของผมที่ได้ทําความดีให้กับครูให้เขาได้มีชีวิต และให้เขาปลอดภัย มีขวัญกําลังใจในการทํางานในพื้นที่พิเศษจริงๆ วันนี้สํานักงาน สกสค.จังหวัดปัตตานีจึงเป็นหน่วยงานที่มีภาพลักษณ์ที่ดี เป็นที่นิยมของพี่น้องเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งหน่วยงานอื่นด้วย ตนเองคาดหวังว่าในอนาคตสกสค.ต้องเป็นหน่วยงานเดียวที่ดูแลการสวัสดิการสวัสดิภาพอย่างแท้จริงส่งผลให้บุคลากรทางการศึกษาทุกกลุ่มทุกสังกัดสิ่งแรกก็คือผมอยากจะเห็นการดูแลครูผู้สูงวัยอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ดูแลในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ในส่วนนี้ผมอยากจะให้เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลผู้ครูสูงวัย ซึ่งขณะนี้ครูผู้สูงวัยในจังหวัดปัตตานีมีความภาคภูมิใจในสํานักงานสกสค.จังหวัดปัตตานีอย่างมาก 2 งานด้านสวัสดิการต่างๆที่ทําอยู่ ขณะนี้ก็จะต้องเดินไปอย่างต่อเนื่องและจะต้องสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกด้วยคําว่า“โปร่งใส ทันสมัย และใส่ใจบริการ”โดยเฉพาะอยากเห็นสกสค.ส่วนกลาง และ สกสค.ส่วนภูมิภาคทํางานด้วยอุดมการณ์และหัวใจใช้คําว่า บริการเป็นหน้าที่หลัก ซึ่งสําหรับตนเองใช้คําว่า “ใจบริการ งานสร้างศรัทธา เสริมปัญญาด้วยสกสค.จังหวัดปัตตานี” และโครงการหลายโครงการที่เป็นโครงการที่ดีอยากให้สํานักงาน สกสค.จังหวัดปัตตานี ได้ดําเนินการอย่างต่อเนื่องโดยเป็นข้อเรียกร้องของสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นโครงการครูช่วยครูศูนย์ช่วยเหลือครอบครัวครูชายแดนใต้ศูนย์ดูแลครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้สูงวัยจังหวัดปัตตานี หรือหลายๆกิจกรรมที่ดีอยู่แล้วก็ให้เดินต่อไป
และสุดท้าย อยากเห็นภาพลักษณ์เหมือนปัจจุบันที่ทาง ท่านธนพร สมศรี เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ท่านเข้ามาเน้นให้มีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้เป็นหน่วยงานที่สง่างาม มีความมั่นคงและสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิก ท้ายที่สุดตนเองโชคดีที่สุดที่ได้เข้ามาทํางานร่วมกับท่าน ที่มีความตั่งใจและมุ่งมั่นในการทํางาน อันจะส่งผลต่อคุณภาพของมวลสมาชิกและทางสํานักงานสกสค.จังหวัดปัตตานี ก็พร้อมที่จะเดินหน้าต่อไป ซึ่งทั้งหมดทั้งมวล ก็เพื่อผลประโยชน์ของสมาชิกที่จะเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคตต่อไป