ปัจจุบันการแพทย์แผนจีน เป็นศาสตร์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก มีผลการวิจัยมากมายที่รองรับ แม้แต่องค์การอนามัยโลก (WHO) เองก็ยังยืนยันถึงประสิทธิภาพการรักษาในหลายกลุ่มอาการ การแพทย์แผนจีนจึงกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คนให้ความสนใจ ใช้ในการบำบัดรักษา ฟื้นฟู ดูแลสุขภาพ แม้จะเป็นศาสตร์ที่มีอายุนานนับพันปี ก็ต้องยอมรับว่ามีคนจำนวนไม่น้อย ที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในหลักการรักษาแบบฉบับแพทย์แผนจีน พจ.ฉัตรชัย สุขสถิตย์ แห่ง “คลินิกแพทย์จีนฉัตรชัย” แพทย์จีนที่มีความชำนาญเฉพาะทางด้านการรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์แผนจีนมากกว่า 10 ปี มีปณิธานตั้งมั่นในการดูแลรักษาผู้ป่วยด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีนซึ่ง “เน้นการรักษาด้วยการฝังเข็มและใช้ยาสมุนไพรจีน” เป็นหลัก โดยคุณหมอฉัตรชัยได้อธิบายว่า การแพทย์แผนจีนไม่เพียงใช้เข็มเพื่อรักษาอาการปวดต่างๆ ได้เท่านั้น แต่สามารถใช้รักษาโรคเฉพาะทางได้เช่นกัน โดยมีการแบ่งเป็นแผนก เช่น อายุรกรรมทั่วไป แผนกกระเพาะลำไส้ แผนกสูตินรีเวช แผนกกระดูกและข้อ เป็นต้น นอกจากนี้ยังรักษาโดยการใช้ยาสมุนไพรจีนร่วมกับการฝังเข็ม เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาและฟื้นฟูผู้ป่วย คลินิกแพทย์จีนฉัตรชัยให้ความสำคัญกับคุณภาพการรักษา การใช้ยาที่ได้มาตรฐาน คลินิกจดทะเบียนภายใต้กระทรวงสาธารณสุข อีกทั้งยังมีความใส่ใจและคำนึงถึงการสร้างบรรยากาศโดยรอบของคลินิกให้ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้สีเขียวขจี ดูสบายตา เพื่อให้คนไข้รู้สึกผ่อนคลาย ตัวอาคารก็ถูกออกแบบโดยคำนึงการหมุนเวียนพลังงานลมภายในอาคาร เพดานจึงสูงโปร่ง โล่งสบาย ทำให้อากาศถ่ายเทสะดวก "การรักษาในแบบของการแพทย์แผนจีนเป็นการรักษาแบบองค์รวมแพทย์จีนจะมองถึงการทำงานร่วมกันของอวัยวะ ไม่ได้มองอวัยวะใดอวัยวะหนึ่งเท่านั้น” นี่คือหลักการรักษาของแพทย์แผนจีน ซึ่งคุณหมอได้ยกตัวอย่างประกอบให้เข้าใจมากขึ้นว่า “หากผู้ป่วยมีอาการไอเรื้อรัง แพทย์จีนจะไม่มองว่ามีเพียงปัญหาที่อวัยวะปอดเท่านั้น เช่น ไอที่มีเสมหะร่วม (ให้สังเกตจากกินของเย็นแล้วไอมากกว่าเดิม) นี้คือสาเหตุเกิดจากความเย็นที่ไปกระทบกับกระเพาะและม้าม จึงทำให้เกิดเสมหะ แพทย์ก็จะช่วยปรับสมดุลและรักษากระเพาะกับม้ามไปพร้อมกันด้วย" ดังนั้นการไอที่มีเสมหะจึงเกิดจากกระเพาะมีความชื้นและเย็น ทำให้มีเสมหะเพิ่มมากขึ้นและไอหนักขึ้น ธาตุทั้ง 5 กับสมดุลของร่างกาย แพทย์แผนจีนเชื่อว่าร่างกายของคนเราประกอบไปด้วยธาตุทั้ง 5 คือ ธาตุไม้ (木) ธาตุดิน (土) ธาตุน้ำ (水) ธาตุทอง (金) และธาตุไฟ (火) ซึ่งถ้าหากธาตุทั้งหมดนี้มีความสมดุล ร่างกายก็จะแข็งแรง ทำงานได้ปกติ แต่หากไม่สมดุลก็จะทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย วิธีแก้จึงต้องปรับหยินและหยางในร่างกายให้กลับคืนสู่ภาวะสมดุล คุณหมอฉัตรชัยได้ยกตัวอย่างเคสที่เคยรักษาผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงโรคระบบประสาทไขสันหลังฝ่อ ทานยาสเตียรอยด์ต่อเนื่องนานกว่า 3 ปี จนทำให้ตัวบวมน้ำ ผิวคล้ำ อ่อนเพลีย ไม่มีแรง ไขสันหลังในทฤษฎีแพทย์แผนจีนเกี่ยวข้องกับไต (ไตเป็นทะเลแห่งไขกระดูก) จึงต้องฟื้นฟูไต ปรับสมดุลร่างกาย กระตุ้นภูมิต้านทาน บำรุงเลือด บำรุงลมปราณ และบำรุงไต ซึ่งหลังทำการรักษากับคุณหมอ ปัจจุบันระดับเม็ดเลือดและเกล็ดเลือดของคนไข้ก็กลับเป็นปกติ อาการบวมน้ำลดลง ผิวกระจ่างใสขึ้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และลดปริมาณยาที่กินลงได้แล้ว นั่นจึงแสดงให้เห็นว่า การรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์แผนจีน ช่วยป้องกัน รักษา และฟื้นฟูโรคเรื้อรังได้ดี สามารถทำควบคู่ไปกับการรักษาในแผนปัจจุบันได้ และยังเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาให้ดีขึ้นด้วย ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีร่างกายที่แข็งแรง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น คุณหมอจึงมองว่าแพทย์แผนจีนเป็นทางเลือกที่มีประโยชน์ต่อคนไข้อย่างมาก หลักการวินิจฉัยโรค การวินิจฉัยโรคของแพทย์แผนจีนจะใช้หลักการคือ ถาม ดู ฟัง และที่สำคัญที่สุดคือการคลำ (แมะ) หรือจับชีพจร ซึ่งจุดชีพจรแต่ละตำแหน่งก็จะหมายถึงอวัยวะที่ต่างกัน จึงสามารถบ่งบอกถึงความผิดปกติในร่างกายได้ บางครั้งเพียงแค่ยื่นแขนให้คุณหมอแมะ ผู้ป่วยอาจประหลาดใจว่าทำไมคุณหมอทราบถึงอาการบางอย่างได้ นั่นเป็นเพราะตามทฤษฎีแพทย์ การเต้นของชีพจรสามารถบอกความผิดปกติได้นั่นเอง จากนั้นจึงเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งคลินิกแพทย์จีนฉัตรชัยก็มีหลากหลายวิธีการรักษา เช่น ฝังเข็ม ครอบแก้ว รมยา นวด จัดกระดูก หรือทานยาสมุนไพรจีนควบคู่กัน เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการรักษา ซึ่งวิธีที่ฝังเข็มนั้นได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลก ว่าเป็นวิธีที่ให้ผลในการรักษาได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะกลุ่มอาการปวดต่างๆ ปวดไมเกรน ปวดกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ (Office Syndrom) ปวดหลังเนื่องจากกระดูกทับเส้น ไหล่ติด ปวดข้อมือ ปวดหัวเข่า เส้นเอ็นข้อพลิก เป็นต้น แต่เคยสงสัยกันไหมว่า การเอาเข็มจิ้มลงไปบนผิวหนังนั้น จะช่วยรักษาโรคได้อย่างไร ในเมื่อไม่ได้มีตัวยาอะไรอยู่บนเข็มเลย คุณหมอฉัตรชัยได้ให้คำตอบในเรื่องนี้เอาไว้ว่า “การฝังเข็ม จะช่วยกระตุ้นเส้นลมปราณที่มีอยู่ทั่วร่างกาย ทำให้หลอดเลือดบริเวณนั้นขยายตัว และยังส่งผลต่ออวัยวะอื่นๆ ที่อยู่ไกลออกไปด้วย ให้ผลในเรื่องช่วยระงับอาการเจ็บปวด และลดการอักเสบ หากจะอธิบายด้วยแพทย์แผนตะวันตกก็คือ กล้ามเนื้อบริเวณที่บาดเจ็บจะมีการหดเกร็ง ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เกิดเลือดคั่ง การฝังเข็มจึงช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว และทำให้หลอดเลือดขยาย นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการหลั่งสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า เอ็นโดรฟิน ซึ่งมีฤทธิ์ระงับปวดดีกว่ามอร์ฟีน แต่เป็นสารที่ร่างกายเราหลั่งออกมาเองจึงไม่มีโทษ" สุดท้ายนี้คุณหมอยังได้ทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า ใครที่สังเกตตัวเองว่ามีความผิดปกติตรงไหนแล้วหาคำตอบไม่ได้ ให้ลองเข้ามาปรึกษาคุณหมอที่คลินิกแพทย์จีนฉัตรชัยดูก่อน เพราะอาการเหล่านั้นอาจเป็นสัญญาณเตือนที่สะท้อนถึงภาวะขาดสมดุลของร่างกาย หรือถึงแม้จะไม่ได้มีอาการเจ็บป่วยอะไร ก็สามารถมาตรวจได้เช่นกัน เพื่อดูว่าร่างกายขาดสมดุลตรงไหน จะได้ฟื้นฟูให้ตรงจุด เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรง และป้องกันโรคต่างๆ ไปพร้อมกัน ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่Chatchai Chinese Medical Clinic (คลินิกแพทย์จีนฉัตรชัย)เวลาทำการ : 09.30-19.00 (หยุดทุกวันอาทิตย์)ที่อยู่ : 352/20 ถ.เจริญราษฎร์ ต.วัดเกตุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50000โทร. 095-1346842 / 052-069998Email : chatchaitcm@gmail.comFacebook : คลินิกแพทย์จีนฉัตรชัยWebsite : www.chatchaiclinic.com ใบอนุญาตคลินิกเลขที่: 50109000361