"สุวัจน์ ครอบครัวลิปตพัลลภ และคนโคราช" ร่วมส่งกำลังใจให้กับกองทัพภาคที่ 2 มอบสิ่งของยุทธปัจจัยในการปกป้องประเทศไทย
สุวัจน์ ครอบครัวลิปตพัลลภ และคนโคราช ร่วมส่งกำลังใจให้กับกองทัพภาคที่ 2 มอบสิ่งของยุทธปัจจัยในการปกป้องประเทศไทย
วันที่ 4 กันยายน เวลา 9.00 น.ณสโมสรร่วมเริงไชย กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี.จังหวัดนครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในนามครอบครัวลิปตพัลลภและพี่น้องชาวโคราช เป็น
ประธานมอบวัสดุอุปกรณ์ของใช้ให้ฐานปฏิบัติบริเวณปราสาทตาเมือบธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 โดยมี พลตรี ปิยะพณห์ ฐิตวัฒนานนท์ รองแม่ทัพน้อยที่ 2 ผู้แทน แม่ทัพแม่ทัพภาคที่ 2 รับมอบแทน
โดยมี นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ชมรม, มูลนิธิ, สมาคม, ชมรมแม่บ้าน, ชุมชนสตรี คนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน และชาวโคราชกว่า 250 ร่วมพิธีมอบ
นายสุวัจน์ กล่าวว่าชาวโคราชได้รวมตัวกันทําประโยชน์เพื่อบ้านเมือง โดยการรวมพลังน้ําใจของคนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน วันนี้มามอบสิ่งของอุปกรณ์ต่างๆ ให้กับทางกองทัพ ซึ่งประกอบ ด้วย ตัวแทน ชาวโคราช ชมรมมูลนิธิฯ สมาคมฯ ชมรมแม่บ้าน ชุมชนต่างๆ กว่า 250 คน ได้มีการประสานกับทางกองทัพภาคที่ 2 ผ่านมายังนายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล นายกเทศมนตรีฯ นครราชสีมา ว่าทางกองทัพต้องการอะไรบ้างที่จะไปเพิ่มเติมให้กับกําลังพลเพื่อเป็นขวัญ กําลังใจและเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้ป้องกันดินแดน เพื่อเป็นการลดการสูญเสียกําลังพล
ซึ่งได้รวบรวมกันมาเป็นน้ําใจของคนโคราช
สำหรับวัสดุอุปกรณ์สิ่งของที่มอบให้กองทัพภาค 2 ประกอบด้วย
1.แผ่นพื้นคอนกรีต จำนวน 1,000 แผ่น เพื่อจัดสร้างบังเกอร์ หลบภัย
2.ตาข่ายเชือกในล่อน ป้องกันโดรน จำนวน 200 ผื่น
3.Power Box กล่องสำรองไฟฟ้า จำนวน 7 เครื่อง
4.เสื้อยืดคนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน จำนวน 2,000 ตัว
5.กางเกงใน จำนวน 2,400 ตัว 6.ถุงเท้า จำนวน 2,400 คู่่
7.น้ำดื่ม ข้าวสาร อาหารแห้ง
และเงินสดมอบให้กับกองทัพภาคที่ 2
”ผมต้องขอขอบคุณ คนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน ที่พวกเราได้ร่วมกันให้กําลังใจกับผู้ที่เสียสละให้กับชาติบ้านเมือง คือ กําลังพลของกองทัพภาคที่ 2 ในครั้งนี้“ นายสุวัจน์ กล่าว
ทั้งนี้ นายสุวัจน์ ยังกล่าวถึงบรรยากาศการเมืองว่า ประเทศกำลังก้าวสู่ช่วงเตรียมการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้รัฐบาลรักษาการหรือรัฐบาลใหม่ โดยรัฐบาลที่จะเข้ามารับผิดชอบต้องให้ความสำคัญ 2 เรื่องหลัก คือ การจัดการเลือกตั้งและการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมาตรการเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน