ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โลกต้องเผชิญกับ วิกฤตซ้อนวิกฤต (Polycrisis) ทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่รวดเร็ว ซึ่งล้วนส่งผลต่อทัศนคติและพฤติกรรมการบริโภคของผู้คนทั่วโลก ล่าสุดบริษัทวิจัยตลาดระดับโลก Mintel ได้เผยรายงาน “2026 Global Food & Drink Predictions” ซึ่งระบุว่า แบรนด์ที่ “เข้าใจผู้บริโภคอย่างแท้จริง” จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้คนที่เคยรู้สึกเพียง “อยู่รอด” จากความเปลี่ยนแปลง กลับมารู้สึก “เติบโต” ได้อีกครั้ง โดยมีแนวคิดหลักของปีคือ “Perseverance” ความมุมานะที่สร้างความก้าวหน้าแม้ท่ามกลางความท้าทาย อุตสาหกรรมเบเกอรี่และเครื่องดื่ม: การเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วยสุขภาพและประสบการณ์ เทรนด์สำคัญของปี 2026 จะมุ่งไปที่ - รสชาติที่ดีต่อสุขภาพและซื่อสัตย์ต่อวัตถุดิบ - ประสบการณ์ใหม่ที่ครบทุกประสาทสัมผัส - การขับเคลื่อนด้วยกระแสโซเชียลและวัฒนธรรมฟิวชัน อีกทั้งวัตถุดิบที่คาดว่าจะมาแรง ได้แก่ ซาวร์โด (Sourdough), พิสตาชิโอ (Pistachio) และ ผลไม้เขตร้อน (Tropical Fruits) รวมถึงเครื่องดื่มกลุ่ม Functional Drinks และรสชาติแบบ ฟิวชัน เช่น โคชูจัง (Gochujang) และ อูมามิ (Umami) Mintel สรุปแนวโน้มหลักออกเป็น 3 ทิศทางสำคัญ ดังนี้ 1. หยุดสุดโต่งเรื่องสารอาหาร มุ่งสู่ความหลากหลาย (MAXXING OUT, DIVERSITY IN) ผู้บริโภคจะก้าวข้ามแนวคิด “บริโภคสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งในปริมาณสูง” เช่น โปรตีนหรือไฟเบอร์ ไปสู่การเลือกอาหารที่ สมดุลและหลากหลายมากขึ้น ในตลาดเบเกอรี่และเครื่องดื่ม จะเห็นการเติบโตของ - เบเกอรี่เพื่อสุขภาพ ที่อุดมด้วยโปรตีนจากธรรมชาติ - เครื่องดื่มฟังก์ชันเฉพาะ (Functional Drinks) ที่ให้พลังงานหรือบำรุงสุขภาพด้วยส่วนผสมจากซูเปอร์ฟู้ด แนวโน้มระยะยาวถึงปี 2030 - แนวคิด DEI (Diversity, Equity, Inclusion) จะถูกต่อยอดสู่ “DEIets” — การผสมผสานความหลากหลายทางวัฒนธรรมในอาหาร เพื่อลดการพึ่งพาวัตถุดิบชนิดเดิม - AI จะเข้ามาช่วย “จัดสรรเมนูสุขภาพเฉพาะบุคคล” เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสารอาหารครบถ้วนโดยไม่จำเจ 2. การฟื้นฟูสไตล์เรโทร: คุณค่าจากอดีตสู่ปัจจุบัน (RETRO REJUVENATION) เมื่อโลกหมุนเร็วเกินไป ผู้คนจึงโหยหาความเรียบง่ายและอบอุ่นแบบ “วันวาน” อาหารและเครื่องดื่มที่มีรากวัฒนธรรมดั้งเดิมจึงกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง เทรนด์เด่นในกลุ่มนี้ - Sourdough Everywhere: จากขนมปังสู่พิซซ่า แครกเกอร์ และเพสตรี - Nostalgic & Elevated: ยกระดับรสชาติดั้งเดิมด้วยเทคนิคและวัตถุดิบแบบโบราณ - Wholesome & Earthy: ใช้วัตถุดิบธรรมชาติ ผ่านกระบวนการแปรรูปน้อยที่สุด ในระยะยาวแบรนด์ที่สามารถนำภูมิปัญญาเก่ามาประยุกต์อย่างสร้างสรรค์ จะได้รับการยอมรับในฐานะ “ผู้ดูแลมรดกทางวัฒนธรรมอาหาร” พร้อมกันนั้น ผลิตภัณฑ์ อาหารกระป๋องและอบแห้ง จะกลับมาในภาพลักษณ์ใหม่ ที่สะท้อน ความยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า 3. มุ่งเน้นสร้างสรรค์ประสบการณ์ทางประสาทสัมผัส (INTENTIONALLY SENSORY) นวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่มในปี 2026 จะเน้น “ประสบการณ์ที่มีความหมาย” มากกว่าความไวรัลชั่วคราว แนวโน้มสำคัญได้แก่ - Flavorful Fusions: การผสมรสชาติจากทั่วโลก เช่น โคชูจังและมิโสะ - Swicy & Swavoury: การจับคู่รสหวาน–เผ็ด หรือหวาน–เค็ม - Exotic & Tropical Flavors: ผลไม้เขตร้อนอย่างฝรั่ง ลิ้นจี่ แก้วมังกร ก้าวสู่ตลาดพรีเมียม - Tea Tonic: ชาเพื่อสุขภาพและชาโทนิกกลิ่นพิเศษยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ในอนาคต อุตสาหกรรมจะให้ความสำคัญกับ “การออกแบบรสชาติที่ทุกคนเข้าถึงได้” เช่น อาหารเนื้อนุ่มสำหรับผู้สูงอายุ หรือสูตรที่ลดการกระตุ้นประสาทสัมผัสสำหรับผู้ที่มีภาวะรับรู้แตกต่าง แนวโน้มข้ามหมวดหมู่: สุขภาพ คุณค่า และประสบการณ์เทรนด์ทั้งสามแนวทางถูกขับเคลื่อนด้วยแรงผลักสำคัญจากผู้บริโภคยุคใหม่ 2 ประการ คือ - Personalization & Premiumization ความต้องการสินค้าที่เฉพาะตัวและมีคุณภาพเหนือระดับ - Values-Driven Innovation นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยคุณค่า เช่น ความยั่งยืน ความโปร่งใส และจริยธรรมในการจัดหาวัตถุดิบ มุมมองจากหยกอินเตอร์เทรด (Yok Intertrade) ในฐานะผู้นำด้าน Bakery & Beverage Supply ที่อยู่เคียงข้างผู้ประกอบการไทยมากว่า 45 ปี หยกอินเตอร์เทรด มองว่า ปี 2026 จะเป็น “ปีแห่งการสร้างสมดุล” ระหว่างความเรียบง่ายของวัตถุดิบธรรมชาติ กับประสบการณ์รสชาติที่มีคุณค่าและจดจำได้ ทั้งนี้ยังพร้อมสนับสนุนทุกธุรกิจในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ให้สามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อร่างกาย ดีต่อใจ และยั่งยืนต่ออนาคต ติดตามข่าวสารได้ที่Facebook: @yokintertrade.officialWebsite: www.yokintertrade.co.th