กระทรวงวัฒนธรรม โดยกองเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ร่วมกับจังหวัดตรัง จัดกิจกรรม “ขับเคลื่อนวัฒนธรรมสร้างสรรค์สัญจร” ปีที่ ๓ ในพื้นที่ภาคใต้ นำอินฟลูเอนเซอร์ และนักวิชาการ เปิดพื้นที่กิจกรรมให้เด็กและเยาวชนภาคใต้ จาก ๖ โรงเรียน จำนวนกว่า ๒๙๐ คน ร่วมแสดงความคิดสร้างสรรค์ เรียนรู้การผลิตและรู้เท่าทันสื่อ รวมถึงเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิและความรับผิดชอบในการเป็นพลเมืองยุคดิจิทัล วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๘ ณ โรงเรียนวิเชียรมาตุ อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง นายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานเปิดกิจกรรม“ขับเคลื่อนวัฒนธรรมสร้างสรรค์สัญจร” ปีที่ ๓ ในพื้นที่ภาคใต้ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดตรัง หน่วยงานภาคีเครือข่ายทางวัฒนธรรม อาจารย์ นักเรียน เยาวชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ภายในงานมีกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ การเสวนาในหัวข้อ “สื่อสร้างสรรค์ : วัฒนธรรมไทยในยุคดิจิทัล” โดยมี ผศ. พิมพ์ณัฐชยา สัจจาศิลป์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม และอินฟลูเอนเซอร์จากแอปพลิเคชัน TikTok ช่อง Nora_lukmos และ Wanmaiunicorn ร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ กระตุ้นให้เยาวชนรู้เท่าทันสื่ออย่างสนุกสนาน นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมเชิงปฏิบัติการและสันทนาการที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้ฝึกคิด วิเคราะห์ และเรียนรู้บทบาทของตนในโลกดิจิทัลอย่างสร้างสรรค์ พร้อมประเมินความรู้ก่อนและหลังจากร่วมกิจกรรม เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ของการเรียนรู้อีกด้วย นายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า กิจกรรม “ขับเคลื่อนวัฒนธรรมสร้างสรรค์สัญจร” เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ในการสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมผ่านวัฒนธรรมช่วยให้เยาวชนตระหนักในคุณค่าของวัฒนธรรมไทย และมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลส่งเสริมทักษะการรู้เท่าทันสื่อ พัฒนาคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่เหมาะสมเปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้เรียนรู้ แลกเปลี่ยนกับวิทยากร ศิลปิน และผู้มีอิทธิพลทางสื่อเพื่อให้เกิดเครือข่ายเยาวชนสร้างสรรค์วัฒนธรรม ทั้งในและนอกสถานศึกษาเป็นพลังสำคัญในการถ่ายทอดคุณค่าวัฒนธรรมไทยสู่สังคมและสามารถรับมือกับภัยคุกคามจากสื่อได้อย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การจัดกิจกรรมขับเคลื่อนวัฒนธรรมสร้างสรรค์สัญจร ปีที่ ๓ ณ โรงเรียนวิเชียรมาตุ จังหวัดตรังในครั้งนี้ นับเป็นครั้งสุดท้ายของปี ๒๕๖๘ โดยที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการจัดกิจกรรมเรียบร้อยแล้วใน ๓ ภูมิภาค ได้แก่ ภาคกลางและภาคตะวันออก ณ โรงเรียนนครนายกวิทยาคมจังหวัดนครนายก ภาคเหนือ ณ โรงเรียนห้องสอนศึกษาฯ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือณ โรงเรียนเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งสามารถสร้างการรับรู้และเข้าใจให้แก่เด็กและเยาวชนในการรู้เท่าทันสื่อ ภัยคุกคามทางเทคโนโลยี สิทธิและความรับผิดชอบในการเป็นพลเมืองยุคดิจิทัล อีกทั้งยังเป็นการสร้างและขยายเครือข่ายเยาวชนเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม และสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมโดยใช้มิติทางวัฒนธรรมอีกด้วย