แม้วิวัฒนาการด้านการแพทย์จะก้าวหน้ามาไกล แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีอีกหลายโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทั้งจากตัวโรคเอง ระยะและความรุนแรงของโรค รวมถึงสภาพร่างกายของผู้ป่วยที่อาจไม่พร้อมสำหรับการรักษาที่ทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมา หรือพูดง่ายๆ ว่าไม่คุ้มที่จะเสี่ยง การให้ผู้ป่วยได้มีชีวิตที่มีความสุขในช่วงบั้นปลาย ไม่ต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจ และจากไปอย่างสงบสุข จึงอาจเป็นสิ่งดีที่สุดที่จะมอบให้กับผู้ป่วยได้ ดังเช่นหนึ่งในเรื่องราวดีๆ ที่ถูกบอกเล่าผ่านลูกชายของผู้ป่วยที่เป็นทั้งโรคอัลไซเมอร์ และโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก กับการตัดสินใจพาคุณพ่อเข้าไปรับการดูแลที่ “อายุวัฒน์ เนอร์สซิ่งโฮม” เพราะไม่อยากให้คุณพ่อต้องอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนหดหู่ในโรงพยาบาล โดยมีสายระโยงระยางเต็มไปหมด "พ่อของผมป่วยเป็นอัลไซเมอร์ แถมยังพ่วงด้วยมะเร็งต่อมลูกหมาก ทางครอบครัวเองก็พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้คุณพ่อมีสุขภาพดีมากที่สุด แม้ลึกๆ จะรู้ดีว่าความทรงจำของท่านที่มีต่อคนรอบข้างกำลังค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา อีกทั้งอาการของมะเร็งก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก จนท้ายที่สุดได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีรักษาที่เรียกว่า “Palliative Care” หรือ การรักษาแบบประคับประคองในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิตสำหรับผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับสมองและโรคมะเร็ง เราก็หาข้อมูลแล้วมาลงเอยที่ “อายุวัฒน์” แห่งนี้นี่แหละครับ" การรักษาแบบประคับประคอง เป็นการดูแลแบบองค์รวม ซึ่งหมายถึงการดูแลทางร่างกาย รักษาอาการต่างๆ เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด ป้องกันภาวะแทรกซ้อน และยังครอบคลุมไปถึงการดูแลทางด้านอารมณ์ สังคม และจิตวิญญาณ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จนกว่าจะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต "ด้วยโรคของคุณพ่อไม่มีใครเชื่อแน่ว่าท่านจะอยู่ได้นานหลักปี แต่ต้องขอขอบคุณน้องๆ ผู้ช่วยและทีมพยาบาล ที่ให้ความรัก ความอบอุ่น ใส่ใจดูแลคุณพ่อเหมือนกับเป็นคนหนึ่งในครอบครัว แทบจะตลอด 24 ชม. ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาทั้งคอยเช็ดตัว ป้อนอาหาร ป้อนยา กายภาพบำบัด พยายามหากิจกรรมให้คุณพ่อได้ทำตามสภาพร่างกายที่ท่านไหว และอีกท่านที่ต้องขอบคุณมากๆ คือ คุณหมอปุณณภพ ที่คอยดูแลคุณพ่ออย่างใกล้ชิดอยู่ตลอดจนไม่ต้องไปโรงพยาบาล ถ้ามีปัญหาอะไรเกี่ยวกับร่างกายคุณหมอจัดการให้ทั้งหมด แถมยังช่วยลดค่าใช้จ่ายบางส่วนอีกด้วย (ซึ่งส่วนตัวผมว่าลดให้เยอะมาก) คุณหมอดูแลคุณพ่อจนถึงช่วงวินาทีสุดท้ายของชีวิตจนคุณพ่อค่อยๆ จากไปแบบสบายที่สุดเหมือนคนนอนหลับเฉยๆ" ในขณะเดียวกันการได้เห็นว่าผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ดี มีความสุขกับบั้นปลายชีวิต มีความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว มีช่วงเวลาที่จะได้แสดงความรักต่อกัน ก็เป็นการปลอบประโลมจิตใจของญาติผู้ป่วย ให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้อย่างราบรื่นด้วยเช่นกัน "ผมเชื่อลึกๆ ว่าความทรงจำสุดท้ายของคุณพ่อก่อนเสียชีวิต ท่านรับรู้ได้ถึงการอยู่อาศัยที่อายุวัฒน์ เปรียบกับการเป็นบ้านอีกหลัง แม้วันนี้หนึ่งในคนที่ผมรักมากที่สุดจะไม่อยู่แล้ว แต่การได้พาคุณพ่อมาอยู่ที่นี่มันสอนอะไรหลายอย่างมากครับ โดยเฉพาะการรักษาที่บางครั้งคนไข้ไม่ได้ต้องการยาทางกาย แต่มองหายาทางใจ พร้อมวิธีดูแลให้ตัวเขารู้สึกเจ็บปวดน้อยที่สุด เพื่อการมีลมหายใจในช่วงสุดท้ายของชีวิตอย่างมีความสุข ขอบคุณอีกครั้งสำหรับการดูแลคุณพ่ออย่างดี และผมเองก็ได้ทำหน้าที่แบบสุดความสามารถในฐานะลูกของพ่อคนหนึ่งครับ" เมื่อเวลาในชีวิตของคนเราเหลือน้อยลงทุกที เชื่อเถอะว่าสิ่งที่ต้องการอาจไม่ใช่บ้านหลังใหญ่โตมโหฬารที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหรา แต่เป็นเพียงบ้านที่มีความรัก ความเอาใจใส่ มีคนที่เข้าใจคอยอยู่เคียงข้าง ช่วยเหลือดูแล และให้กำลังใจในการเผชิญหน้ากับความกลัวได้อย่างมีสติ แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ออกเดินทางต่อไปได้อย่างสงบสุข อยู่ที่อายุวัฒน์... จากลาที่อายุวัฒน์ กับความทรงจำดุจบ้านหลังหนึ่ง ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อายุวัฒน์ เนอร์สซิ่งโฮมที่อยู่ : เลขที่ 2/1 ซอยท่าข้าม 22 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ 10150โทร. 099 424 4566Line Official : @aryuwatFacebook : อายุวัฒน์ nursing home ดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ติดเตียง คนแก่ หลงลืม พระราม2Website : www.aryuwatnursinghome.com