หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท (Herniated nucleus pulposus : HNP) เกิดจากการฉีกขาดของเยื่อหุ้มชั้นนอกของหมอนรองกระดูก (Annulus fibrosus) ทำให้ของเหลวลักษณะคล้ายวุ้น (Nucleus pulposus) ที่อยู่ตรงกลาง เคลื่อนออกมากดเบียดเส้นประสาท (Nerve root) ซึ่งตำแหน่งที่พบบ่อยที่สุดคือ ด้านข้างของหมอนรองกระดูก (Posterolateral disc herniation) .อาการนี้มักพบในผู้ป่วยอายุระหว่าง 21-50 ปี โดยผู้ป่วยอายุน้อยกว่า 20 ปี เยื่อหุ้มชั้นนอกของหมอนรองกระดูก (Annulus fibrosus) ยังแข็งแรงความยืดหยุ่นสูง .ส่วนผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ของเหลวลักษณะคล้ายวุ้น (Nucleus pulposus) ที่อยู่ตรงกลางหมอนรองกระดูก จะมีน้ำน้อยลงและมีความยืดหยุ่นลดลง ทำให้เกิดการฉีกขาดของเยื่อหุ้มได้ง่าย หมอนรองกระดูกจึงเคลื่อนออกมากดเส้นประสาท มักพบในระดับ L4-5และ L5-S1.อาการ – ปวดเอว ปวดหลังส่วนล่างและปวดสะโพก หรือกระเบ็นเหน็บ– มักปวดร้าวไปตามต้นขาด้านหลัง– ปวดขาทั้ง 2 ข้าง มากๆ มักเคลื่อนออกมาชิ้นใหญ่และไปกดทับเส้นประสาท ปวดร้าวถึงขา หรือถึงปลายเท้า– กล้ามเนื้ออ่อนแรง– ชาตาม Dermatome (Nerve root) ถูกกด (ชาหนักตามระยางค์แขน ขา).ในกรณี ผู้ป่วยมีหมอนรองกระดูกเคลื่อนมีขนาดใหญ่ ทำให้มีอาการปวดหลังร้าวลงขาทั้งสองข้าง ขาชาและอ่อนแรงทั้งสองข้าง ปัสสาวะไม่ออกท้องผูก หรือกลั้นปัสสาวะ อุจจาระไม่ได้.ปัจจัยเสี่ยง- การใช้งานที่มากเกินไป เกินกำลังของตนเอง เช่น ยกของหนัก- การทำงานผิดท่า เช่น การก้มๆ เงยๆ หรือก้มยกของโดยไม่ระมัดระวัง (ท่าก้มเป็นท่าทางที่เสียเปรียบเชิงกลค่อนข้างมาก ทำให้เวลายกของหนัก หมอนรองกระดูกจะรับน้ำหนักมากกว่าน้ำหนักหลายเท่าตัว จึงเกิดการบาดเจ็บได้ง่าย)- การสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่ทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงหมอนรองกระดูกได้ไม่ดี จึงทำให้หมอนรองกระดูกเสียความยืดหยุ่น - ความอ้วน โดยเฉพาะอ้วนลงพุง ทำให้หลังแอ่น เมื่อหลังแอ่นมากๆ หมอนรองกระดูกจะได้รับแรงกระทำมากขึ้น จึงทำให้มีโอกาสเสื่อมหรือแตกได้ง่าย- กลุ่มที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย คือกลุ่มที่ทำงานนั่งโต๊ะนานๆ ทำให้กล้ามเนื้อรอบๆ กระดูกสันหลังเสียสมดุลไป ซึ่งกล้ามเนื้อจะต้องสมดุลทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งกลุ่มที่ไม่ออกกำลังกายจะมีการฝ่อลีบของกล้ามเนื้อ มีโอกาสบาดเจ็บต่อหมอนรองกระดูกสันหลังได้ง่ายขึ้น- ความเสื่อมตามวัย อายุที่เพิ่มมากขึ้นมีโอกาสที่หมอนรองกระดูกสันหลังจะเสื่อมมากขึ้น.แนวทางการรักษาของ 'ซาลดรา อาร์ทัว คลินิก'ลดแรงดันในช่องหมอนรองกระดูกสันหลัง กระตุ้นให้หมอนรองกระดูกที่ปลิ้นออกมากลับเข้าที่ ลดการกดทับของเส้นประสาท เร่งกระบวนการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อ ปรับโครงสร้างป้องกันการกลับมาบาดเจ็บซ้ำ .การรักษา ตรวจประเมินร่างกายด้วยนักกายภาพบำบัด ก่อนเข้าสู่กระบวนการรักษา1) บำบัดด้วย ความร้อน/ความเย็น (Thermo therapy) เพื่อให้- เกิดการขยายตัวของหลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนโลหิต หลอดเลือดมีความยืดหยุ่นมากขึ้น- เกิดการแลกเปลี่ยนสารอาหารผ่านหลอดเลือดฝอยมากขึ้น- เกิดผลของการลดระดับความเจ็บปวด( จากการกระตุ้นเส้นประสาทที่รับความรู้สึกร้อนและเย็น แทนเส้นประสาทรับความรู้สึกเจ็บปวด)- ทำให้สารอาหารไหลเวียนไปเลี้ยงเซลล์มากขึ้น- ลดความเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ- เพิ่มการทำงานของปฎิกิริยาเคมีในเซลล์ เพิ่มอัตราการใช้ออกซิเจนของเซลล์ ทำให้เอนไซม์ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น- เพิ่มความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันและข้อต่อ - เพิ่มอัตราการนำกระแสประสาท และเพิ่มคุณสมบัติการยืดตัวของ เอ็นกล้ามเนื้อ - เพิ่มการทำงานของเอนไซม์ Collagenase ลดการยึดติดของข้อต่อ.2) ฟื้นฟูร่างกายด้วยไฟฟ้า (Electro therapy : Neuromuscular electrical stimulators) ในกลุ่มกล้ามเนื้อที่มีปัญหา เพื่อให้ - เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Musclestrengthening) - ลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ (Spasm reduction) - ชะลอหรือป้องกันการฝ่อลีบของกล้ามเนื้ออันเนื่องมาจากการไม่ได้ใช้งาน (Disuse atrophy prevention) - เกิดเรียนรู้การทำงานของกล้ามเนื้อ (Muscle re‐education) ทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างถูกต้อง - เร่งกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่บาดเจ็บ - ลดอาการปวด .3) บำบัดด้วยคลื่นเสียง (Ultrasound therapy) คลื่นเสียงจะผ่านเนื้อเยื่อ ส่งผลให้โมเลกุลเนื้อเยื่อดูดซับพลังงานไว้แล้วปล่อยเป็นความร้อนลึกออกมาที่ 2-5 เซนติเมตรใต้ผิวหนัง เพื่อให้- เพิ่มคุณสมบัติการยืดและความยาวของเนื้อเยื่อที่ตึงเกร็ง- ลดปวดกลุ่มโรคกล้ามเนื้อและข้อต่อ - เร่งกระบวนการซ่อมเเซมเนื้อเยื่อ - ลดการอักเสบของกระดูกและข้อ .4) ดึงกระดูกสันหลัง (Spinal traction)- ใช้เครื่องมือดึงแยกกระดูกสันหลัง เพื่อลดแรงดันในช่องหมอนรองกระดูกสันหลัง - ลดการกดทับของรากประสาท - รักษาอาการปวดร้าวลงขา .5) จัดและปรับกระดูกข้อต่อ (Manual therapy)- เทคนิกการจัดโครงสร้างร่างกาย จัดกระดูก จัดข้อต่อ จัดกล้ามเนื้อ เพื่อลดอาการปวด เพื่อคืนความสมดุลให้แก่ร่างกาย.สำหรับการเดินทางมาที่ ‘Saldra Artua Physical Therapy Clinic’ นั้นสะดวกสบาย สามารถนั่ง BTS มาลงสถานีช่องนนทรีย์ ทางออกที่ 5 แล้วเดินจาก Sky walk ตรงมาจนมาถึง BRT ลงสถานีเทคนิคกรุงเทพ เดินต่อ 100 เมตร คลินิกจะอยู่ข้างแมคโครนราธิวาส หรือหากท่านใดมีรถส่วนตัว ลูกค้าของทางคลินิกสามารถจอดรถหน้าตึกได้เลย โดยทางอาคารมีที่จอดรถ ฟรี 3 ชั่วโมง!.เพราะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทรักษาได้! สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ที่ ‘Saldra Artua Physical Therapy Clinic’ เพื่อให้หมอกายภาพได้วินิจฉัยได้ถูกต้องในการรักษาการรักษาที่ต้นเหตุ เพื่อให้การใช้ชีวิตเต็มไปด้วยความสุขและรักษาอาการให้หายได้อย่างยั่งยืน .ช่องทางการติดต่อพิกัด : ชั้น G ลุมพินีเพลส สาทร ตึก A ถนน นราธิวาสราชนครินทร์ (ติด แมคโคร นราธิวาส)TEL: 02 287 4459MOBILE: 092 463 5595EMAIL: saldraartuaclinic@gmail.comLINE: @saldraartuaclinicWEBSITE: www.saldraartuaclinic.comเวลาทำการ : เปิดให้บริการทุกวัน 09:00 – 21:00 น. (หลัง 18:00 รับเฉพาะเคสจอง)(สามารถออกใบรับรองการรักษา ใช้เบิกประกันได้*)*แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละบริษัท.**ใบอนุญาตเลขที่ :10106001761