10 สิ่งที่ควรรู้ก่อนการลงทุนในตลาดหุ้นกับปฏิญญา เทวอักษร

     ‘หุ้น’ นับเป็นอีกช่องทางการลงทุนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในทุกวันนี้ เนื่องจากสามารถแบ่งเวลาจากการทำงานประจำ หรือใช้เวลาในส่วนอื่น ๆ ที่มีเพื่อศึกษาและลงทุนได้ แต่ทั้งนี้การลงทุนหุ้นไม่ได้ง่าย และมีข้อควรระวังมากมาย ซึ่งในวันนี้เราจะมาพูดคุยเรื่องข้อควรรู้เบื้องต้นกับคุณปฏิญญา เทวอักษร (Patinya Dheva-aksorn) หนึ่งในนักลงทุนมากประสบการณ์เพื่อให้การลงทุนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

     ปฏิญญา เทวอักษร แชร์แนวคิดการลงทุนเบื้องต้นกับ 10 สิ่งที่ควรรู้ก่อนการลงทุน
ทุกคนสามารถเริ่มเข้าสู่วงการเล่นหุ้นได้ แต่ต้องศึกษาข้อมูลและเรื่องควรรู้อย่างสม่ำเสมอก่อนตัดสินใจลงทุน การได้พูดคุยหรือรับแนวคิดจากนักลงทุนที่คร่ำหวอดในด้านการเล่นหุ้น ย่อมเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้คุณมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้ดี และวันนี้เราจึงสรุป 10 สิ่งควรรู้สำหรับมือใหม่ที่จะลงทุนมาให้ โดยทั้ง 10 สิ่งนี้ถ่ายทอดจากประสบการณ์ลงทุนหุ้นมาอย่างยาวนานในหลายอุตสาหกรรมของคุณปฏิญญา เทวอักษร

     1. ทำความเข้าใจวิธีการหารายได้จากหุ้น
การหารายได้จากหุ้นนั้นมาจาก ‘เงินปันผล’ และ ‘ส่วนต่างราคา’ ซึ่งเงินปันผลคือการปันผลกำไรคืนแก่ผู้ถือหุ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายการปันผลของแต่ละบริษัทด้วย สำหรับส่วนต่างราคาคือการที่คุณเลือกซื้อหุ้นในราคาที่ถูก แล้วขายในราคาที่แพง และส่วนต่างที่ได้กลับมานอกเหนือจากเงินทุนก็คือกำไร

     2. เราคาดหวังอะไรจากการลงทุนในตลาดหุ้น
กำไรจากการขายหุ้น กำไรที่คุณได้รับจะเกิดขึ้นเมื่อคุณซื้อหุ้นในราคาที่ถูกและขายในราคาที่แพง ซึ่งการซื้อหุ้นในราคาที่ถูกจะเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น ราคาหุ้นที่ถูกจากกราฟหุ้น ณ ขณะนั้น หรือมูลค่าหุ้นที่ถูกเกินกว่ามูลค่าจริงที่สะท้อนจากราคาปัจจุบัน

เงินปันผล : เงินปันผลคือ การปันผลกำไรของบริษัทคืนแก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งการจ่ายเงินปันผลมีหลายรูปแบบ เช่น นโยบายเงินปันผลคงที่ ซึ่งอาจจ่าย 2 บาทต่อหุ้นในทุก ๆ งวดของเงินปันผล หรือนโยบายอัตราปันผลคงที่ จ่ายปันผลเป็นเปอร์เซ็นต์ของกำไรสุทธิในทุก ๆ งวดปันผล

ยกตัวอย่างการจ่ายปันผลเป็นหุ้นของ KIAT บริษัทขนส่ง จะจ่ายปันผลโดยคำนวนตามสูตรนี้คือ ‘อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (%) = (เงินปันผลต่อหุ้น / ราคาหุ้น) x 100’ ซึ่งเมื่อนำเงินปันผลและราคาหุ้นมาเข้าสูตร ก็จะได้คำตอบว่า KIAT จ่ายเงินปันผลอยู่ที่ 0.013 จากสัดส่วนของราคาที่จ่ายไป

     3. เงินปันผล vs กำไรจากการขาย อันไหนดีกว่ากัน
จากหัวข้อด้านบนที่บอกวิธีการได้รายได้จากหุ้น เราจะมาลงลึกในหัวข้อนี้ต่อว่า ‘เงินปันผล’ หรือ ‘กำไรจากการขาย’ อันไหนดีกว่ากัน

เงินปันผล จะถูกจ่ายจากบริษัทนั้น ๆ อย่างสม่ำเสมอตามนโยบายที่กำหนดไว้ กำไรในรูปแบบนี้จะเหมาะกับนักลงทุนที่มีเงินทุนเยอะ เพราะจะได้ผลตอบแทนเยอะขึ้นตามที่ลงทุนไป รวมถึงเหมาะกับคนที่ต้องการ Passive Income เพราะจะมีรายได้เข้ามาสม่ำเสมอ ยิ่งลงทุนเยอะ ก็ได้กำไรเพิ่มขึ้นและได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน

กำไรจากการขาย : กำไรจากการขายคือ การที่คุณซื้อหุ้นจากบริษัทหนึ่งที่ดูก้าวหน้าทางธุรกิจในราคาที่ถูกและขายในราคาที่แพงกว่า คุณก็จะได้กำไรจากส่วนต่างราคาขาย ทั้งนี้กำไรรูปแบบนี้เหมาะกับผู้ที่มีเงินลงทุนไม่มากนัก แต่เลือกซื้อหุ้นของบริษัทที่มีอนาคตไกล ก็มีโอกาสได้ส่วนต่างราคาขายที่ดี

     4. ทำความรู้จักตัวเอง ประเมินกำไรที่อยากได้บนพื้นฐานความจริง
ก่อนอื่นต้องประเมินตนเองก่อนว่าเป้าหมายในการลงทุนหุ้นคืออะไร? หากต้องการกำไรไว้ใช้ยามเกษียณก็ควรเลือกหุ้นที่พื้นฐานดี ราคาไม่เหวี่ยงมาก และบริษัทมีอนาคตไกล

แต่บางคนอาจชอบความท้าทายสูง เพราะอาจนำมาซึ่งผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่า หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘High Risk, High Return’ ตรงนี้สามารถอธิบายเพิ่มเติมได้ว่า ‘ยิ่งหลักทรัพย์มีความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนก็ยิ่งสูง’ เช่น บริษัทหนึ่งมีผลประกอบการที่ดี ณ ช่วงเวลาหนึ่งเพราะผลิตภัณฑ์กำลังเป็นที่นิยม คุณก็รีบเข้าซื้อหุ้นไว้ แต่ความนิยมนั้นเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ในวันพรุ่งนี้อาจไม่ได้รับความนิยมเหมือนเช่นเคย และทำให้ราคาหุ้นตก ตรงนี้ก็นับเป็นความเสี่ยงสูงที่ผู้ลงทุนต้องทำการบ้านกับธุรกิจนี้ให้ดี และต้องเตรียมพร้อมรับผลกระทบที่จะเกิดตามมาด้วย

     5. อย่าซื้อหุ้นเพียงเพราะชอบสินค้า
เป็นปกติที่คุณชอบสินค้าหรือบริการสักอย่าง แล้วทำให้อยากลงทุนหุ้นกับธุรกิจนั้น แต่นั่นไม่ใช่แนวคิดที่ดีในการลงทุนหุ้น เพราะปัจจัยที่ทำให้หุ้นขึ้นหรือลงนั้นมีมากมายและอาจเหนือความควบคุมของคุณ ซึ่งมันอาจนำไปสู่ผลตอบแทนที่ดี หรือเกิดการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตได้

     6. อย่าซื้อหุ้น เพียงเพราะเค้าบอกว่าดี
มุมมองในการลงทุนหุ้นของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันอยู่แล้ว และแต่ละคนมีเงินทุนหรือรับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากัน เพราะหากหุ้นที่คน ๆ หนึ่งบอกว่าดีแต่ราคาตกในภายหลัง เขาอาจไม่ได้เสียกำไรเท่ากับที่คุณเสียก็ได้ ซึ่งแนวคิดแบบนี้อาจทำให้คุณเริ่มท้อใจในการลงทุนหุ้น จนนำไปสู่การขายขาดทุนเพื่อลดการสูญเสียเงินก็ได้

     7. อย่าเชื่อนักวิเคราะห์มากจนเกินไป
นักวิเคราะห์นับเป็นอีกปัจจัยที่ผู้ลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจก่อนลงทุนหุ้นสักตัว แต่สิ่งที่นักวิเคราะห์บอกอาจไม่ได้ถูกต้องหรือเหมาะกับการลงทุนของคุณเสมอไป คุณอาจฟังหูไว้หู แล้วนำมาประกอบการฝึกฝนหาความรู้ ทำการบ้านเพิ่มเติมเรื่องหุ้น ก่อนตัดสินใจลงเงินทุกครั้ง เพราะการลงทุนหุ้นย่อมมีความเสี่ยงตามมาเสมอ

     8. ความกดดันคือสิ่งที่ต้องเผชิญอย่าหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในช่วงที่ตลาดผันผวนอาจทำให้คุณเริ่มกดดันว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี เราจึงอยากให้คุณวางแผนล่วงหน้าด้วยการสร้างระบบเทรด (Trading System) โดยลิสต์ไว้ว่าจะรับมือกับกรณีที่ได้กำไรอย่างไร หากผิดพลาดจนขาดทุนจะทำอย่างไร ยอมรับการขาดทุนได้ที่เท่าไหร่ ขาดทุนได้กี่ครั้งถึงจะหยุดลงทุน แล้วจึงถอยกลับมาศึกษาและวางแผนใหม่ เพื่อกลับไปลงทุนให้รอบคอบกว่าเคย

     9. ความอดทนเป็นสิ่งสำคัญในการเล่นหุ้น
การเล่นหุ้นคุณมักต้องเผชิญกับกราฟที่สูงขึ้นและกราฟที่ดิ่งลงจนเห็นเงินทุนติดลบ แต่จงอดทนและใจเย็น หากคุณศึกษามาอย่างดีแล้วว่าหุ้นที่ถืออยู่มีพื้นฐานมั่นคง อนาคตไกล ก็แค่ออกจากหน้ากราฟแล้วไปทำสิ่งอื่น แต่ถ้ารับความเสี่ยงไม่ไหว ให้สังเกตสัญญาณกลับตัวแล้วจงรีบออกก่อนจะเกิดการขาดทุนตามมา

     10. อยากลงทุนให้สำเร็จ ต้องหมั่นศึกษาหาความรู้
การหาความรู้และฝึกฝนเพิ่มเติมเกี่ยวกับหุ้นย่อมดีกับตัวคุณ โดยสิ่งที่คุณทำได้คือการขยันเปิดกราฟ ศึกษาวิธีดูกราฟ ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับธุรกิจที่คุณลงทุนหุ้น อ่าน Blog ที่เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญในวงการ ลงคอร์สเรียน หรือดูคลิปฟรีใน YouTube ที่มีสอนอย่างแพร่หลายก็ได้

สรุปแนวคิดการลงทุนเบื้องต้นจากปฏิญญา เทวอักษร : จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายปีในการลงทุนหุ้นกับหลายอุตสาหกรรมของคุณปฏิญญา เทวอักษร ก็สรุปได้ว่านักลงทุนมือใหม่ควรจะเข้าใจการหารายได้จากหุ้น รู้จักเป้าหมายการลงทุนของตนเอง อย่าซื้อหุ้นด้วยเหตุผลง่าย ๆ หรือความชอบส่วนตัว อย่าเชื่อคนอื่นหรือนักวิเคราะห์มากจนเกินไป ความกดดันและความอดทนย่อมมีแน่นอนในการลงทุนหุ้น และการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอก็จะทำให้คุณเป็นนักลงทุนที่แข็งแกร่งขึ้นได้ในทุกวัน