ประกาศความสำเร็จ ปักหมุดโครงการ Smart Economy Showcase ครบ 3 จังหวัด เผยยอดผู้ประกอบการร่วมโครงการทะลุเป้า เกิดการใช้งานเทคโนโลยีในกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs และ Micro SMEs กว่า 1,350 ราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 27 ล้านบาท พร้อมเผยแผนจัดตั้งสำนักงานสาขา ณ จังหวัดพิษณุโลก เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า นับเป็นความสำเร็จเกินคาด สำหรับการดำเนินโครงการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนเมืองเศรษฐกิจอัจฉริยะต้นแบบ (Smart Economy Showcase) ที่ ดีป้า นำร่องขับเคลื่อนในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี สงขลา และพิษณุโลก ซึ่งถือเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญและเป็นประตูเชื่อมโยงเศรษฐกิจการค้าไปสู่ภูมิภาคต่าง ๆ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน มีศักยภาพและความพร้อมด้านกำลังซื้อ การท่องเที่ยว และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งโครงการดังกล่าวก่อให้ประโยชน์มากมายต่อผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และผู้ประกอบการรายย่อย (Micro Entrepreneurs) ในอุตสาหกรรมเกษตร อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมท่องเที่ยวภาคการค้าและบริการ กว่า 1,350 ราย สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดได้มากกว่า 27 ล้านบาท และยังเปิดโอกาสให้กับดิจิทัลสตาร์ทอัพได้เห็นแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีให้ตอบโจทย์ความต้องการของภาคอุตสาหกรรม อีกทั้งยังเป็นต้นแบบให้พื้นที่อื่น ๆ “ต้องยอมรับว่าแนวทางการผลักดันทั้ง 3 เมืองไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ล้วนเป็นการวางรากฐานระบบสังคมและเศรษฐกิจอัจฉริยะ ซึ่งกลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่มีบทบาทสำคัญไม่น้อย หากสามารถสร้างความเชื่อมั่นและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในกลุ่มนี้ได้ ย่อมสร้างศักยภาพในการแข่งขันในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างเข้มแข็ง พร้อมกันนี้ ดีป้า จึงมีแผนจัดตั้งสำนักงานสาขา ณ จังหวัดพิษณุโลก เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาเมืองเศรษฐกิจอัจฉริยะ โดยการดำเนินงานจะเป็นลักษณะ Digital One Stop Service (DOSS) ให้คำปรึกษา และคำแนะนำแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมดิจิทัล หรือ SMEs เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของธุรกิจ และเป็นช่องทางการดำเนินธุรกิจโดยบริการด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ทั้งการพัฒนาการธุรกิจและการขยายกิจการให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนของสถาบันการเงินพันธมิตร ให้คำปรึกษาด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษี ด้านทรัพย์สินทางปัญญา ตลอดจนให้บริการข้อมูล การสนับสนุนให้ SMEs นำนวัตกรรมดิจิทัลไปประยุกต์ใช้” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าวผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวต่อว่า จังหวัดพิษณุโลกมีความเหมาะสมในการจัดตั้งสำนักงานฯ สาขาภาคเหนือตอนล่าง เนื่องจากเป็นจังหวัดที่อยู่ในแผนการส่งเสริมให้เป็นศูนย์กลางการค้า การบริการธุรกิจสุขภาพ การศึกษา และธุรกิจด้านดิจิทัล ในด้านเศรษฐกิจจะเห็นว่า พิษณุโลกเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในจุดตัดระหว่างเส้นทางการคมนาคมระหว่างอินโดจีนตอนเหนือและพม่า กับเส้นทางคมนาคมจากจีนตอนใต้สู่กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะทำให้พิษณุโลกเป็นศูนย์รวมการคมนาคมในระดับภูมิภาคที่ใหญ่ขึ้น อีกทั้งการขยายตัวของวิสาหกิจชุมชนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังมีสนามบินพาณิชย์ และศูนย์ส่งเสริมเศรษฐกิจและการลงทุน (BOI) ดังนั้นการตั้งสำนักงานสาขาฯ จึงถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จที่ ดีป้า ต้องร่วมกับพันธมิตรและจังหวัดขับเคลื่อนไปด้วยกัน เพื่อผลักดันพิษณุโลกสู่ การเป็นเมืองอัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบต่อไป