“ สุวัจน์ “ เปิดประชุมวิชาการวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสถาปัตยกรรมฯครั้งที่ 11 ESTACON 2020 ภายใต้แนวคิด “ก้าวสู่โลกอนาคตอย่างชาญฉลาด ไปพร้อมกับความท้าทายเชิงสิ่งแวดล้อม” Environmental Challenges and Smart Futures วันนี้ (21 สิงหาคม 2563) ที่ห้องประชุมสุวัจน์ ลิปตพัลลภ 2 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะนายกสภามหาวิทยาลัย เป็นประธานเปิดประชุมวิชาการวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสถาปัตยกรรมศาสตร์ ครั้งที่ 11 ESTACON 2020 ภายใต้แนวคิด “ก้าวสู่โลกอนาคตอย่างชาญฉลาด ไปพร้อมกับความท้าทายเชิงสิ่งแวดล้อม” Environmental Challenges and Smart Futures พร้อมให้ข้อคิด “ก้าวสู่โลกอนาคตอย่างชาญฉลาดไปพร้อมกับความท้าทายเชิงสิ่งแวดล้อม” ก่อนจะมอบของที่ระลึกให้กับสถาบันเครือข่าย 5 แห่ง และมอบธงให้กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตนครราชสีมา เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งที่ 12 โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดี พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร คณาจารย์ นักวิจัย บุคลากร และนักศึกษา เข้าร่วมงาน การจัดประชุมวิชาการฯ ครั้งนี้ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมถือเป็นการรวมกลุ่มของมหาวิทยาลัยเครือข่ายที่มีการจัดการเรียนการสอนด้านวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน , มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น , มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ , มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล , มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ร่วมกับวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ทั้งนี้ เพื่อเป็นเวทีทางวิชาการให้นักวิชาการ นักวิจัย คณาจารย์ นิสิต นักศึกษา ทั้งในเครือข่ายและสถาบันการศึกษาอื่นๆ ได้มีโอกาสเผยแพร่ผลงานทางวิชาการผ่านการนำเสนอผลงานทางวิชาการ ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ อันก่อให้เกิดการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการพัฒนางานวิจัยที่เข้มแข็งยั่งยืน ตอบสนองความต้องการของสังคม โดยผลงานที่นำเสนอจะมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตรวจสอบเนื้อหาและพิจารณาบทความงานวิจัยภาค บรรยาย Oral presentation จำนวน 157 บทความ และการนำเสนอบทความรูปแบบโปสเตอร์ Poster presentation จำนวน 81 บทความ ก่อนจัดตีพิมพ์เผยแพร่ทั้งบทความภาคบรรยาย และภาคโปสเตอร์ ด้านสถานการณ์การเมืองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสุวัจน์ ให้สัมภาษณ์ว่าตอนนี้ได้เริ่มมีกระบวนการในการเริ่มต้นแล้วพรรคฝ่ายค้านและพรรครัฐบาลก็เห็นตรงกันแล้วว่าควรที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และก็วิปรัฐบาลก็ ได้เชิญพรรคร่วมรัฐบาลไปหารือ ซึ่งในส่วนของพรรคชาติพัฒนา เราให้การสนับสนุนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว ที่ได้ประกาศไว้ ควรที่จะดำเนินการกัน และเมื่อมีการใช้รัฐธรรมนูญไปแล้วถ้าได้พิสูจน์ให้เห็นว่า มีความไม่สมบูรณ์ หรือปัญหาอะไรที่เกิดขึ้น ก็สมควรที่จะพิจารณามาแก้ไขกันและสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือ เรื่องของกติกาที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง จะเห็นได้ว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ค่อนข้างจะสร้างความสับสนในระบบของการเลือกตั้งทั้งเรื่องในเขตเลือกตั้ง การเลือกตั้งบัตรใบเดียว หรือการคำนวณจำนวนที่พรรคการเมืองจะได้ หรือความล่าช้า ในการจัดตั้งรัฐบาล นอกจากเรื่องการเลือกตั้งแล้ว ขณะนี้สังคมก็มีความกังวลใจเกี่ยวกับหลายๆ เรื่องที่เกิดขึ้น อย่างเช่น เรื่องของกระบวนการยุติธรรม ว่าทำยังไงกระบวนการยุติธรรมจะเป็นหลักให้ประเทศ และสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในขณะเดียวกันเราก็ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ ทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งผลกระทบจากเรื่องโควิด ทำให้เราต้องปรับยุทธศาสตร์ ปรับแผนงานทางด้านเศรษฐกิจ ฉะนั้น ถ้าเราสามารถที่จะสร้างกฎเกณฑ์ หรือมีรัฐธรรมนูญที่สามารถที่จะปรับความยืดหยุ่นตัว ต่อสถานการณ์โลก สถานการณ์เศรษฐกิจ และสอดคล้องกับปัญหาในประเทศได้ เราก็คิดว่าเราน่าจะดำเนินการกันฉะนั้นโดยภาพรวมพรรคชาติพัฒนา เห็นด้วย และอยากให้การดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น เป็นไปด้วยความรวดเร็ว และแสดงออกถึงความตั้งใจ ความจริงใจ ของทุกส่วนที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อบ้านเมือง เพราะเราเชื่อว่ากลไกการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าทุกท่านเสียสละ และให้การร่วมมือให้ได้รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด มันก็จะเป็นประโยชน์ ต่อบ้านเมือง และสามารถที่จะคลายวิกฤตที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองได้ เพราะเรื่องรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่พูดกันมาก“การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องเปิดกว้าง รับฟังความคิดเห็นทุกฝ่าย ต้องแก้ไขบนพื้นฐานว่า รัฐธรรมนูญ แก้ไขเพื่อบ้านเมือง เราต้องยอมเสียสละ ไม่ตรงกับความรู้สึกเราบ้าง ได้เปรียบ เสียเปรียบ ทางการเมืองก็เอาไว้ก่อน ต้องเอาบ้านเมืองไว้ก่อน ให้รัฐธรรมนูญ เป็นของประชาชนจริงๆ และแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้จริงๆ” นายสุวัจน์ กล่าวและย้ำว่า“ เราเป็นพรรคการเมืองก็พร้อมกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด จะมีการเลือกตั้งเมื่อไร มันก็เป็นหน้าที่อยู่แล้ว แต่ถ้ามีการเลือกตั้งเมื่อไร เราก็พร้อม เพียงแต่ว่าอยากเห็น การเลือกตั้งที่อยู่บนพื้นฐานที่ทำให้เกิดการยอมรับ อย่าให้เกิดความคิดเห็นที่แตกต่าง หรือความขัดแย้ง การเลือกตั้งเราก็มีเป้าหมายที่จะได้นักการเมือง ได้ ส.ส. หรือได้รัฐบาล ที่เข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศในขณะนี้”โดยเฉพาะวันนี้เรื่องเศรษฐกิจหลังโควิด เป็นเรื่องใหญ่มาก เป็นเรื่องที่เราต้องปรับฐาน ปรับยุทธศาสตร์ ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ช่วงฟื้นตัวก็ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า 3-4 ปี แต่วันข้างหน้า เราต้องปรับฐานว่าเศรษฐกิจของประเทศไทย จะเดินไปในทิศทางไหน เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจปัจจุบันต้องพึ่งพาต่างประเทศทั้ง ด้านการท่องเที่ยว การส่งออก และการลงทุน ทำอย่างไรจะยืนอยู่บนลำแข้ง ของตนเอง เวลามีวิกฤตอะไรเกิดขึ้น เราก็ยืนอยู่ได้ ฉะนั้น ต้องหาจุดแข็งของเมืองไทย ความเป็นเมืองน่าอยู่ ที่ทั่วโลกให้การยอมรับ จากการที่เราประสบความสำเร็จเรื่องการแก้ไขปัญหาโควิด การเป็นเมืองเกษตร การเป็นเมืองอาหารป้อนโลก การเป็นเมืองท่องเที่ยว นี่คือ จุดแข็ง ที่เรามีศักยภาพในการพัฒนา เราได้การเมืองที่เข้มแข็ง การเมืองที่มีเสถียรภาพ ได้นักการเมืองดีๆ ได้รัฐบาลที่พี่น้องประชาชนให้การยอมรับมาขับเคลื่อนประเทศอยู่บนจุดแข็ง ก็เหมือนเป็น นิวนอร์มอลของเศรษฐกิจไทย ฉะนั้น การเมืองเป็นเรื่องสำคัญ เสถียรภาพการเมืองเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่จะฟื้นฟู และจะสร้างแพลตฟอร์มใหม่ที่จะพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ“ผมคิดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญถือว่าเป็นกลไกที่สำคัญอย่างหนึ่ง ที่จะแสดงถึง ความจริงใจ ความตั้งใจ การแก้ไขปัญหา การแก้ไขรัฐธรรมนูญ สามารถที่จะนำไปสู่การลดวิกฤตในบ้านเมืองได้ อะไรที่เราสามารถที่จะสร้างกลไกต่างๆ ที่จะลดความเห็นต่าง ความขัดแย้ง ก็เป็นเรื่องที่ดีที่เราต้องรีบดำเนินการ ฉะนั้น ผมคิดว่าเรื่องรัฐธรรมนูญ สามารถที่จะเร่งรัดได้ สร้างความชัดเจน เปิดใจมีความจริงใจ และทุกคนต้องพร้อมที่จะเสียสละ ไม่ได้เปรียบ เสียเปรียบทางการเมือง ต้องคิดให้ประเทศชาติได้เปรียบ ให้ประชาชนได้เปรียบ เราก็จะได้รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด การพูดคุยกันในฐานะคนไทยด้วยกัน การรับฟังความคิดเห็นในประชาธิปไตย ไม่ใช้ความรุนแรง อยู่ในกรอบของกฎหมายเป็นแนวทางที่ดีสุด” นายสุวัจน์ กล่าว