iPrice เผยเทรนด์การตลาดออนไลน์กู้ภัย Covid-19 จาก Team Digital

แม้จะเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดไวรัส Covid-19 ไปทั่วโลกทำให้หลายธุรกิจต้องปิดตัวลง แต่เหตุการนี้ยิ่งทำให้ Google เข้ามามีบทบาทมากขึ้น เพราะการค้นหาบน Google ทำให้เจ้าของกิจการที่อยากจะฟื้นฟูธุรกิจในมือของตนเองตัดสินใจลงทุนกับการทำ SEO หรือ Digital Marketing เพื่อเพิ่มการมองเห็นมากขึ้น

ด้วยเหตุนี้ทำให้ iPrice Group เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเปรียบเทียบราคาสินค้าออนไลน์ที่มีแพลตฟอร์มอยู่ถึง 7 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จับมือกับ Team Digital สถาบันจัดอบรมสัมมนาการตลาดออนไลน์ เผยเทรนด์การตลาดออนไลน์กู้ภัย Covid-19 โดยหยิบยก 4 คอร์สการตลาดออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ดังนี้

เทรนด์ SEO กู้ภัย Covid-19 กับเทคนิคปรับโครงสร้างเว็บไซต์ทั้ง 11 ส่วน ให้เข้าทาง Google

เทรนด์การทำ SEO เพื่อฝ่าวิกฤต Covid-19 ควรเน้นด้าน Organic Search Traffic ที่มาจากการเขียนบทความซึ่งได้ผลลัพท์ที่ดีเสมอ นอกจากนี้การค้นหาด้วยเสียงผ่าน Siri หรือ Google Assistant ก็กำลังได้รับนิยมอย่างสูง มีโพลจากในสหรัฐอเมริกาสูงถึงร้อยละ 50 โดยการค้นหาผ่านเสียงของ Google จะเน้นข้อความสั้น ๆ ที่มาจากเว็บไซต์ นอกจากนี้ยังมีเทรนด์การปรับโครงสร้างของเว็บไซต์ ทั้ง 11 ส่วน เพื่อเพิ่มความเชื่อถือและผลลัพธ์ที่ดีในสายตา Google ดังนี้

1. Mobile-Friendliness การแสดงผลจากประวัติการใช้งานบนมือถือเมื่อใช้งานบนหน้าเว็บไซต์ (Page Experience) จากการจัดอันดับเว็บไซต์ต่าง ๆ ผ่าน Google
2. HTTPS Security (SSL) ความปลอดภัยในการใช้รหัสผ่านของข้อมูลบนเว็บไซต์
3. Page Speed ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ ปัจจัยหลักในการจัดอันดับของ google ได้รับความนิยมมากขึ้นเมื่อ google ปรับปรุงพัฒนา Algorithm ที่เรียกว่า Mobile Speed Update เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา
4. Technical SEO การปรับโครงสร้างของเว็บไซต์ เพื่อให้ Google Bot บันทึกข้อมูลได้ง่ายขึ้น
5. Search Intent หรือ Keyword Intent การเน้นคีย์เวิร์ดหรือความต้องการของผู้ใช้งาน Google ในการทำคอนเทนต์ และนำคอนเทนต์ไปบรรจุไว้ในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์โดยคำนึงถึงหลัก SEO อาทิ หน้าโฮมเพจ หน้าสินค้า หน้าบทความหรือ Blog หรือหน้าที่เข้าถึงได้ฟรี เป็นต้น
6. Core Web Vitals ส่วนของเว็บไซต์ที่มี Largest Contentful Paint (LCP) การทดสอบประสิทธิภาพของการโหลด First Input Delay (FID) การตอบโต้ และ Cumulative Layout Shift (CLS) คือการวัดความเสถียรของภาพ โดย Core Web Vitals จะถูก Google หยิบเอามาเป็นประสบการณ์ของการใช้งานหน้าเว็บไซต์ เพื่อจัดอันดับต่อไปในปี 2021
7. RankBrain การประมวลผลจากประสบการณ์ใช้งานของผู้ใช้ผ่าน Algorithm ที่เป็น AI ของ Google ซึ่งมีผลต่อการค้นหาบน Google หากต้องการให้เว็บไซต์ติดอับดับต้น ๆ บน Google ต้องทำการปรับโครงสร้างของคอนเทนต์บนเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับ RankBrain เพื่อผลลัพธ์ในระยะเวลา
8. Schema Mark โปรแกรมหรือ Coding ที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อให้ Google มองเห็นประสิทธิภาพของการแสดงข้อมูลมากขึ้น เช่น การนับคะแนนรีวิวจากผู้ใช้งาน เพื่อให้มีความน่าเชื่อถือและมีการเข้าถึงได้มากขึ้นผ่านการค้นหา (SERP) บน Google
9. E-A-T Rating คือ Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness ตามลำดับ ซึ่งก็คือความเชี่ยวชาญ การได้รับการยอมรับ และ ความน่าเชื่อถือ ทำให้ E-A-T Rating เป็นหัวใจหลักของการทำ SEO และการเพิ่ม Conversion Rate
10. Link Building & Social Signals สิ่งสำคัญที่สุดในการทำ SEO ด้านความน่าเชื่อถือ ยิ่งเว็บไซต์ที่สร้างมีความน่าเชื่อถือมากเท่าไหร่ Google จะยิ่งจัดอันดับความน่าเชื่อถือให้กับลิงค์ปลายทางด้วย รวมไปถึง Backlinks จาก Social Media ด้วย
11. Conversion Rate Optimization การทำให้เว็บไซต์เกิด Conversion มากขึ้น

4 เทรนด์สำคัญถ้าอยากยิง Facebook Ads ได้ทันคู่แข่ง

เพราะการระบาดของไวรัส Covid-19 ทำให้การซื้อขายออนไลน์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น Facebook Ads จึงกลายเป็นอาวุธลับของหลากหลายธุรกิจออนไลน์’ กล่าวโดย อ.วุธ สรกฤช พิชยดนัยกุล – ผู้เชี่ยวชาญและผู้สอนคอร์ส Facebook Ads & Marketing สถาบัน Team Digital นอกจากนี้ อ.วุธ ยังเผยอีกว่า เงื่อนไขและประกาศจาก Facebook อาจจะทำให้เกิดการปิดกั้นการมองเห็นได้ กล่าวคือแม้ว่าจะมีการยิงโฆษณาไปเท่าไหร ก็จะไม่มีใครมองเห็นสิ่งที่นำเสนอไป เพราะผู้ยิงแอดไม่ได้ปฎิบัติตามเงื่อนไขและกฏเกณฑ์ของ Facebook แต่ถ้าผู้ยิงแอดตามเทรนด์เหล่านี้ทันธุรกิจของคุณจะเป็นต่อได้มากที่เดียว

1. Lazada & Shopee แพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย แต่การทำโฆษณาผ่าน Lazada & Shopee จะมีตัวแปรสำคัญของความสำเร็จคือ Engagement หรือการเข้าชม ยิ่งดึงดูดให้มีผู้เข้าชมมากเท่าไหร่ รายได้ก็จะเข้ากระเป๋ามากเท่านั้น
2. การขายผ่าน Inbox เป็นวิธีที่ทำง่าย แต่อาจจะต้องมีความใส่ใจในการตอบและการให้ความเข้าใจแก่ลูกค้ามากกว่าปกติ ควรใช้การตอบรับโดยบุคคล มากกว่าการใช้ผ่านระบบ AI หรือข้อความอัตโนมัติ
3. ก่อนยิง Ads โฆษณาไม่ว่าช่องทางใดก็ตาม ควรทำการศึกษาข้อมูลในส่วนของเพศ, อายุ, ช่วงเวลา, กลุ่มจังหวัด และอาชีพ เป็นต้น ก่อนการทำการโฆษณา ซึ่งจะช่วยให้การทำ Ads ตรงกลุ่มเป้าหมายและเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น
4. ทำความเข้าใจและเลือกให้ CBO ให้ถูกต้องก่อนการเลือกทำการโฆษณา ศึกษาให้ครบถ้วนอย่างละเอียด อย่าไว้ใจการจัดการของ Facebook เพราะถึงแม้จะเป็นช่องทางที่ถูกที่สุด แต่ผลลัพธ์ของยอดขายอาจจะไม่ได้ดีเท่าที่ควร ดังนั้นการทำโฆษณา ควรทำการทดสอบก่อน อีกทั้งถ้าทำร่วมกับ Conversion Pixel จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า เมื่อได้ข้อมูลและกลุ่มที่ต้องการแล้ว หลังจากนั้นจึงเริ่มเพิ่มงบประมาณอีกครั้ง

LINE OA อัพเดตแล้ว เพิ่มลูกค้าได้แบบจัดเต็มด้วย 7 ฟีเจอร์นี้

อ.หนุ่ย ศรัณย์ ยุวรรณะ – ผู้ก่อตั้ง (Founder) ผู้เชี่ยวชาญและผู้สอนคอร์ส LINE OA ชี้แจงไว้ว่า เมื่อไลน์แอด ได้เปลี่ยนเป็น Line Official Account จะมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย รวมถึงการเปลี่ยนวิธีคิดค่าบริการเป็นคิดจากจำนวนข้อความที่ส่งแทนที่จะเป็นการคิดค่าบริการจากจำนวนเพื่อนที่มีแบบเมื่อก่อน เพราะอย่างนี้ค่าใช้จ่ายจึงสูงขึ้นอย่างมาก เจ้าของธุรกิจหลายรายจึงเลือกตัดสินใจยุติการใช้บริการเพราะกำไรที่ได้อาจจะไม่คุ้มค่ากับเงินลงทุนที่ต้องจ่ายให้ทางไลน์ สำหรับใครที่ยังคงเลือกใช้บริการอยู่ ก็ต้องมีวิธีเลือกใช้ฟีเจอร์ที่มีให้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมากที่สุด ซึ่งหากคุณกำลังศึกษาการทำการตลาดออนไลน์ผ่าน LINE OA แล้วล่ะก็ ควรหาข้อมูล 7 ฟีเจอร์เหล่านี้ไว้ให้ดี

1. จากเดิมที่สามารถระบุคุณสมบัติได้แค่ในช่วงที่เป็นเพื่อน (บรอดแคสต์) ก็มีการเพิ่มให้ระบุเลือกลูกค้าเพื่อทำการส่งของความแบบส่วนตัวได้ ทำให้สามารถเลือกกลุ่มลูกค้าได้
2. การส่งข้อความแบบส่วนตัว มีการเพิ่มโน้ต การระบุสถานะ หรือส่งไฟล์ได้ และหากทำการเชื่อมต่อกับ My Shop ไว้ สามารถทำการเรียกเก็บเงินลูกค้าได้โดยการส่งเอกสารเรียกเก็บเงินผ่านห้องสนทนา ได้แบบตัวต่อตัว อีกทั้งโอกาสให้ลูกค้าเลือกชำระผ่านบัตรเครดิตหรือ ผ่าน Rabbit Line Pay ได้
3. การตอบรับอัติโนมัติ ปกติจะเดิมโดยอิงตามคีย์เวิร์ด แต่ปัจจุบันมีฟีเจอร์ API ที่จะให้ Chatbot ได้มีประสิทธิภาพได้เทียบเท่ากับบุคคลจริง รวมถึงฟีเจอร์ AI ที่สามารถเลือกมาตอบเองที่หน้าสนทนาทันที
4. Rich Content (Rich Message Rich VDO และ Rich Menu) ทำการปรับให้ลูกค้าทุกแพ็คเกจใช้งานได้เท่าเทียมกัน
5. รวบรวมเนื้อหาเอาไว้ที่เดียวกันผ่านการใช้ Card Message บรรจุทั้ง 9 ใบ โดยคุณสามารถเลือกดูได้ผ่านภาพสไลด์ และเพิ่มอีกหนึ่งการ์ดปิดท้ายด้วย
6. ช่องการเพิ่มเพื่อนที่มีทำได้สามารถทำการโฆษณาได้บน Timeline เพื่อเพื่อนได้แล้ว
7. หากไม่ได้ใช้บริการ LINE OA ก็สามารถเลือกใช้ MyShop ได้ โดยมีฟีเจอร์ตระกร้าสินค้าให้ลูกค้าได้เลือกสินค้า สอบถามและชำระเงินได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแอพลิเคชั่น

9 เทคนิค รุ่งเรืองแบบก้าวกระโดดบน YouTube

อ.เทวฤทธิ์ ขันโมลี – ผู้เชี่ยวชาญ และผู้สอนคอส YouTube บอกไว้ว่า การดู YouTube กลายเป็นงานอดิเรกของคนทั่วโลกไปแล้ว การทำการตลาดผ่าน YouTube จึงเป็นอีกช่องทางที่มาแรงเช่นกัน ใครสามารถสื่อสารออกมาได้ตรงคีย์เวิร์ด เมื่อค้นหาบน Google หรือ YouTube ก็จะแสดงผลเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่ง 9 เทคนิคเหล่านี้อาจช่วยคุณได้

1. การทำโฆษณาบน YouTube Ads เพื่อให้เข้าถึงได้มากขึ้น และครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่า
2. เข้าถึงผู้ใช้บริการได้แบบ Realtime ผ่านช่องทาง YouTube Live ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มยอดผู้ชมได้
3. Video tutorial & Answers การสร้างวิดีโอที่เน้นไปในส่วนของการอธิบายขั้นตอนการใช้บริการมากกว่าเน้นเพื่อทำการขาย
4. เสริมเรื่องราวหรือเนื้อหาที่จะทำช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น
5. ทำการสำรวจความคิดเห็นเพื่อให้เกิดปฎิสัมพันธ์ในการทำคลิปวิดีโอ
6. ถ่ายรูปภาพสินค้าให้เห็นชัดเจน ให้ผู้ชมรู้สึก เข้าใจ และไว้ใจในตัวสินค้ามากขึ้น
7. การจับมือกับช่อง YouTube อื่น เพื่อเสนอแนวคิดใหม่ ๆ และส่งเสริมสินค้าของกันและกัน
8. การรีวิวที่เน้นผู้ใช้ผลิตภัณฑ์จริง แม้จะไม่ใช่ผู้มีชื่อเสียง แต่การใช้ข้อมูลจริงถือเป็นความจริงใจอย่างหนึ่งและไม่ใช่การโฆษณาเกินจริง
9. นอกเหนือจากช่องทางบน YouTube ยังมีแอพลิเคชั่นอื่นที่ส่งเสริมการขายผ่านวิดีโอที่เผยแพร่ อย่าง TikTok ที่กำลังเป็นกระแสมาแรงในขณะนี้

Google’s May 2020 Core Update กับอะไรที่นักการตลาดออนไลน์ควรรู้

การอัพเดตของ Google หรือ Core Update เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและมีผลกระทบมากที่สุดเกี่ยวกับระบบ Algorithm ในการจัดอันดับและการค้นหา Search System ของ Google เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ค้นหา และเพิ่มความน่าเชื่อถือและประโนชน์ของการใช้งานมากขึ้น โดยไม่อาจสรุปได้ว่าจะอัพเดตเฉลี่ยปีละกี่ครั้ง ได้รับการยืนยันผ่าน Google เกี่ยวกับ 5 ไฮไลท์สำคัญที่นักการตลาดออนไลน์ต้องพบเจอ เมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา ดังนี้

1. การสร้างลิงค์เองของ Self -Made Links มีความสำคัญน้อยลง
2. BERT อัลกอริธึมที่ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Organic Link หรือ Link มากขึ้น คอนเทนต์ที่มีการแทรกลิงค์ไม่สอดคล้องกับเนื้อหามีสิทธิถูกตัดคะแนนมากกว่า
3. เกณฑ์การใช้คะแนน E-A-T ถูกปรับเปลี่ยนใหม่ โดยเฉพาะของ Expertise ในด้านของความชำนาญ ของผู้เขียนบทความ ตัวอย่างเช่น การเขียนรีวิว อาจจะต้องเพื่อประสบการณ์ในการใช้งานจริงเข้าไปด้วย
4. เนื้อหาที่เกี่ยวกับการวิจัยหรือมีการวิจัยในเบื้องต้นจะได้รับคะแนนมากขึ้น
5. เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับข่าว หรือตัวแทนการขายสินค้า รวมถึงเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาน้อย ข้อความสั้น ส่วนใหญ่จะไม่เข้าตามเกณฑ์

การศึกษาข้อมูล
ข้อมูลจากผู้เข้าร่วมอบรมสัมมนากาตลาดออนไลน์และการทำการตลาดออนไลน์ต่าง ๆ จากสถาบันจัดอบรมสัมมนาการตลาดออนไลน์ โดย Team Digital (บริษัท ทีมดิจิทัล จำกัด) เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการทำงานและนำเสนอของ iPrice

Facebook : https://www.facebook.com/teamdigitalth Twitter : https://twitter.com/teamdigitalth