Enricher Fest 2019 Exclusive Networking Party ครั้งแรกของไทย

Enricher Fest 2019 Exclusive Networking Party ครั้งแรกของไทย

ต้อนรับปีใหม่! บริษัท The Life Enricher ได้จัดงาน Enricher Fest 2019 งาน Exclusive Networking Party ที่รวบรวมบุคคลชั้นนำของประเทศ พร้อมเเลกเปลี่ยนประสบการณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ในธีม Masquerade Gala Night งานที่ทุกคนเข้ามาค้นหาแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจและการใช้ชีวิต

LifeEnricher บริษัทฝึกอบรมที่มุ่งมั่นสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาและเสริมสร้างชีวิตของผู้คน จากการที่ “คุณหะริน จงเจริญรัตน์” พบว่าความสุขที่แท้จริงไม่เพียงแต่จะประสบความสำเร็จเท่านั้นเพราะในความเป็นจริงมีความหมายที่ลึกลงไปมากมายในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า ดังนั้น LifeEnricher เชื่อว่ารากฐานที่แท้จริงของความสำเร็จและความสุขนั้นเริ่มจากการรู้จักตัวเอง ด้วยความรู้ด้านศิลปะและวิทยาศาสตร์ของการโค้ช, การบำบัดเสริมสร้างอารมณ์ และ Neuro-linguistic programming ซึ่งเรามุ่งมั่นที่จะปลดปล่อยศักยภาพของผู้คน เพื่อให้พวกเขาพบตัวเองในแบบที่ดีที่สุด ด้วยหลักสูตรการอบรมที่ถูกออกแบบมาอย่างพิเศษ LifeEnricher มุ่งมั่นที่จะพัฒนาในทุก ๆ ด้านของชีวิตไม่ว่าจะเป็น การเงิน, การงาน, ความสัมพันธ์, ความสุข และ ชีวิต

ภายในงาน ทุกท่านจะได้พบปะกับแขกรับเชิญสุดพิเศษมากมาย เเละกิจกรรมที่พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่คุณไม่คาดคิด พร้อมโอกาสที่จะทำให้ทุกคนได้เรียนรู้ ในช่วงเสวนา หัวข้อ "Born Inspire Die Enrich" โดยมี คุณมหาคุณ เทพสุทิน (CEO บริษัท ตำรับไทย สมุนไพร จำกัด), คุณณัฐบดินทร์ ไชยศรี (CEO HAEWON) , คุณพลภัทร ทรงธัมจิตติ (CMO & Co-founder GetLinks, Forbes 30 Under 30 Asia) และ คุณหะริน จงเจริญรัตน์ (CEO Life Enricher) ร่วมเสวนาในหัวข้อดังกล่าว ทำให้ได้รู้ถึงการทำธุรกิจแบบมีแรงบันดาลใจ และสร้างผลกระทบต่อสังคมอย่างมหาศาล สิ่งที่เป็นแรงขับเคลื่อนของพวกท่าน คือ ประสบการณ์ที่ได้สะสมมาเป็นเวลานาน การจะก้าวขึ้นมาอยู่จุดตรงนี้ได้ อาจไม่ได้สวยหรู แต่ผลลัพธ์นั้นสวยงาม

คุณพลภัทร ทรงธัมจิตติ ได้กล่าวว่า แรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนธุรกิจของผม คือ ความสงสัยครับ อันแรกคือธุรกิจของคุณพ่อ เขาทำมาประมาณ 15-20 ปี แต่ผมได้มีโอกาสเข้าไปร่วมงานกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซแห่งหนึ่งของประเทศไทย ภาพที่เห็นคือมีธุรกิจออนไลน์มาขอซื้อในมูลค่า 3 หมื่นล้านบาท ทำให้ผมเห็นถึงช่องทางโอกาสของตลาดออนไลน์มากขึ้น ในวันที่เราได้มาสัมผัสกับเทคโนโลยีมากกว่า เราเลยเลือกที่ทำธุรกิจด้านนี้ครับ
- - มีสองคำถามที่ผมมักถามตัวเองเสมอคือ ข้อแรก.ชีวิตนี้คุณชัดเจนหรือยังว่าต้องการอะไรจริงๆ และข้อสอง. คุณอยากได้ชีวิตที่คุณต้องการมากพอหรือเปล่า คุณมีเหตุผลมากพอไหมที่จะได้มันมา

คุณณัฐบดินทร์ ไชยศรี (CEO HAEWON) ได้กล่าวว่า ปัญหาเป็นส่วนหนึ่งของงาน ทุกๆอย่างที่เราทำ มีทั้งด้านดี และด้านแย่ เราเพียงยอมรับความไม่เพอร์เฟ็กต์และเข้าใจมัน หลายๆคนหนีปัญหา มองงานเป็นของเล่น ผู้บริหารก็มีหน้าที่บริหารปัญหา ถ้าเราบริหารปัญหาไม่ได้ เราก็ไม่ควรเป็นผู้บริหาร แรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนธุรกิจ Haewon คือ เราทำธุรกิจเพื่อตอบเเทนสังคมที่สุด เราสร้างธุรกิจแบบ Long-term ส่งผลดีต่อธุรกิจ ดีต่อลูกค้า และดีต่อตัวแทน

คุณมหาคุณ เทพสุทิน ได้กล่าวว่า ผมคิดเสมอว่าธุรกิจผมเหมือนโรงเรียน ซึ่งผมทำหน้าที่เป็นครู นักเรียนก็มีหลายรูปแบบมาก มีทั้งเรียนเก่ง เรียนไม่เก่ง และสิ่งที่เราต้องทำทุกวัน คือ การถ่ายทอดความรู้ให้พวกเขาได้พัฒนาตัวเอง ถึงแม้ไม่รู้เรื่องอะไร แค่พยายามและสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การที่เราคิดบวกไปก่อน และ ทำไปก่อน อย่างน้อยทำให้ดีที่สุด อย่างน้อยก็จะได้รู้ และได้เดินหน้าต่อ และสิ่งนี้ยังใช้ได้อย่างต่อนเองมาจา

อีกทั้งภายในงานยังมีช่วง Break Through Stories เรื่องเล่าจากประสบการณ์จริง ที่พวกเขาได้ค้นพบจากศักยภาพของตัวเอง แบบที่ไม่เคยได้เปิดเผยที่ไหนมาก่อนกับเเขกรับเชิญสุดพิเศษ 3 ท่าน ได้แก่ คุณเสาวนีย์ พงษ์หญ้าคา (เจ้าของเพจ Blu’s Diary บันทึกนักขายออนไลน์) กล่าวเรื่องราว Break Through Stories ในหัวข้อ “ไปคนเดียวไปได้ไว แต่ถ้าจะไปให้ไกลต้องไปเป็นทีม” บูมีความสุขมากที่ได้อยู่ท่ากลางผู้คน บูมความสุที่สปอตไลทส่งสปอตไลทมาหาเรา เรามีความสุขมากทีเราเป้นแรงบดาลใจให้กับคน และบูมั่นใจในตัวเองมากๆ เราเชื่อว่าตัวเองเก่ง และมีความเชื่อว่าฉันเก่งที่สุด ฉันทำได้ทุกอย่าง ซึ่งมันเป็นกับดักของคนที่มั่นใจในตัวเอง และไม่เชื่อเลยว่าการทำงานเป็นทีมจะดี เพราะเชื่อว่าฉันนั้นแหละคือคนท่ทำได้ดีที่สุด และสิ่งที่บูได้ break Through คือการทำงานเป้นทีม สิ่งที่เราเติบโตได้ เพราะว่าการทำงานเป็นทีมทำให้รายได้ของบูเพิ่มขึ้น 20 เท่าเลย จริงๆบูสามารถขายอะไรก้ได้ของตัวเอง ทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว เราสามารถขายได้ไหม ที่มันไม่ใช่แค่เรามีทีมงานอย่างเดียว แต่เราต้องถ่ายทอดความรู้ ให้กับเขาด้วย เขาต้องขายได้และเขาต้องขายดี เราเอาตัวเองลุกขึเนมาเป้นผู้นำ เราต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง พัฒนาตัวเอง มาสอนคน ให้เขามีรายได้เพิ่ม แบ่งปันความรู้ให้กับเขา เหมือนเราโคลนนิ่งตัวเองออกมาสัก 10 คน มันดีมากๆ เพราะมันทำให้บุได้เรียนรู้ว่า จริงๆแล้วคนต้องการโอกาส ผู้คนต้องการพื้นที่ คนต้องการเวทีในการแดสงความสามารถ สามารถออกความเห็นและเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง เวลาที่เราไปไหน สปอตไลท์ต้องส่องมาที่เรา ฉันพูดบนเวทีได้ คนมุ่งเป้ามาที่ชั้น แต่วันที่บูเสียสละเวทีให้คนอื่นมาแสดงศักยภาพของตัวเอง ออกมาสอนในแต่ละหัวข้อบ้าง เพราะเราคิดว่าเราเก่ง เราไปเรียนทุกอย่าง เราสอนทีมงาน และสอนทุกวัน 24 ชั่วโมง เราหมดไปกับทีมงาน ไปกับการคุยกับตัวแทน จนวันนึงเรารู้สึกว่ามันเหนื่อยมาก และปีนี้ บูเริ่มปรับเปลี่ยนวิธีการมากขึ้น เราเริ่มให้คนอื่นขึ้นมาแสดงความสามารถ เชื่อมั่นในผู้อื่นว่าเขาก็มีศักยภาพที่จะเป็นเหมือนเราได้ และบูก็เริ่มผลักดันตัวแทนขึ้นมาเป็นผู้นำ การเป็นผู้นำของบูคือ วันนี้เราเลือกที่จะเป็นผู้ฟังที่ดีให้กับเขาก่อน ข้อที่สองคือ เราจะนำเขาได้ เราต้องสนิทกันด้วย บูให้ความสำคัญกับสายสัมพันธ์มากๆค่ะ และแน่นอนที่เราจะนำเขาได้ เราต้องมีผลลัพธ์ให้เขาเห็น อย่างเช่น การทำ Facebook Live โพสท์ขายแบบไหนดี เราดึงศักยภาพของคนออกมาให้ดีมาก ๆบูรู้สึกว่าวันนี้บูไม่ต้องทำงานหนักมากขนาดนั้น แต่วันนี้เราเลือกที่จะเป็นผู้ให้ก่อน ไม่ใช่แค่ชีวิตเขาที่ดีขึ้น แต่คนรอบข้างเขาก้มีชีวิตที่ดีขึ้นเช่นเดียวกัน

ท่านที่สอง คุณเกียรติชัย หงษ์วิเศษ (CEO Snappix) กล่าวเรื่องราว Break Through Stories ในหัวข้อ “ในวันที่หลงทาง คือ สัญญาณให้กลับมาเป็นตัวเอง” และ ท่านที่สาม คุณพีรัชญาณ์ สุนทรกำจรพานิช (Private Life Coach and Corporate Mindset Transformation) กล่าวเรื่องราว Break Through Stories ในหัวข้อ “พลังอันยิ่งใหญ่อยู่ในเวลาของทุกคน” เรื่องราวในแต่ละช่วง สะท้อนความเป็นตัวตนของแต่ละท่าน ทำให้เรารู้ว่าคนประสบความสำเร็จ แท้จริง คือคนธรรมดาหนึ่งคน ที่ยืนหยัดเพื่อใครอีกหลายๆคน คนสำเร็จทุกคนเคยล้มเหลว มีช่วงที่ท้อแท้ แต่พวกเขาก็ไม่ถอย ในวันที่อุปสรรคมาขวางอยู่ตรงหน้า พวกเขาก็ต้านแรงเสียดทานเพื่อจะฝ่าฟันออกมาได้ จนมีทุกวันนี้ วันที่มีเงินในบัญชี มากกว่า 8 หลัก และก็ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาโชคดี แต่พวกเขาเลือกที่จะประสบความสำเร็จต่างหาก

พิเศษสุดในช่วงมอบรางวัลให้กับครอบครัว Life Enricher ซึ่งในปีนี้มีทั้งหมด 4 รางวัล ได้แก่ รางวัลแรก Inspire Award of Life Enricher รางวัลสำหรับผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างมีแรงบันดาลใจ เฉิดฉายอย่างเป็นตัวเอง และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนอีกมากมาย ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลนี้ คือ คุณชัญญานุช แก้วโพธิ์คา (Image Consultant and Personal Coaching) รางวัลที่สอง Improve Award of Life Enricher รางวัลสำหรับผู้ที่พัฒนา เปลี่ยนแปลง และเติบโต จนคนรอบข้างสัมผัสได้ มาพร้อมพลังที่เดินหน้าต่อกับชีวิตได้อย่างสวยงาม ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลนี้ คือ คุณณัฏฐา สุนทรวิเนตร์ (CEO Double V Space) รางวัลที่สาม Enrich Award of Life Enricher รางวัลสำหรับผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างมีแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง ออกไปยกระดับชีวิตผู้คน และช่วยเหลือผู้คนอย่างแท้จริง รวมทั้งใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลนี้ คือ คุณรัฐฐาน์ กรโกสียกาจ (Life Coach) และรางวัลที่สี่ Legend Award of Life Enricher รางวัลสำหรับผู้ที่เข้าร่วมการอบรมของ Life Enricher และได้ช่วยเหลือผู้อื่น และยกระดับชีวิตผู้คน อย่างแท้จริง เป็นตำนานของ LifeEnricher ในปี 2019 ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลนี้ คือ คุณพีรัชญาณ์ สุนทรกำจรพานิช (Private Life Coach and Corporate Mindset Transformation )

สำหรับ King of Enricher Fest ของค่ำคืนนี้ ได้แก่ คุณรัชชานนท์ ยามาโมโต (นักแสดงอิสระ) และ Queen of Enricher Fest ของค่ำคืนนี้ ได้แก่ คุณหทัยรัตน์ ศรีนาราง วิทยากรมืออาชีพ

งานนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของการพัฒนาตัวเอง และแรงบันดาลใจเพื่อส่งต่อให้กับผู้อื่น อีกทั้งยังเป็นงาน Networking ที่ทุกคนได้ร่วมพูดคุยกันอย่างทั่วถึง และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันอย่างใกล้ชิด

หากคุณเป็นหนึ่งคนที่อยากพัฒนาตัวเอง เรียนรู้ และพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง พร้อมมีสังคมที่คอยช่วยเหลือกันไปถึงความฝันที่อยากจะเป็น แล้วสักวันหนึ่ง เราต้องได้เจอกัน

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Line : @LifeEnricher
Facebook: The Life Enricher
โทร: 02-017-2758, 094-686-6599